[HOW TO] วิธีแต่งหน้าให้เนียนด้วย Kabuki Brush + แปรงขนเม่น Foundation Brush

- รายละเอียดเครื่องสำอางค์ที่ใช้ -

- เบสเขียว Baviphat One Step Mineral Make-Up Base SPF28 PA++( Green )

- รองพื้น MMU จาก Lauress Mineral Make-Up Minimalist Foundation
- แปรงคาบูกิปุ้มปุ้ย จาก Lauress Mineral Make-Up Kabuki Brush
- แป้งม่วงจาก Lauress Mineral Make-Up Finish Powder ( Purple )

- แปรงขนเม่น หรือแปรงเกลี่ยรองพื้นจาก Holika Holika Foundation Brush

- บลัชออน M.A.C Blush On # Pink Swoon
- คอนซีลเล่อร์สำหรับรอยดำ M.A.C Select Cover Up Concealer
- คอนซีลเล่อร์เนื้อครีมสำหรับทาใต้ตา M.A.C Studio Finish SPF35 Concealer

มาดูกันในแบบของ VDO เลยค่ะ จะเห็นรายละเอียดในส่วนของการเบลนด์ด้วยแปรงขนเม่น
และการใช้แปรงคาบูกิที่จะทำให้แป้งติดทนนานและเนียนบนใบหน้า

ก่อนแต่งลืมถ่ายรูปแบบ Before เอาไว้ แต่มั่นใจว่าหลายๆคนคงเคยเห็นกันมาแล้ว
ดังนั้นมาเริ่มต้นด้วยการลงเบสเขียวจาก Baviphat รุ่น One Step Mineral Make-Up Base กันก่อน
ตัวนี้มีกันแดด SPF28 PA++ ในตัวด้วย โดยออนจะแตกเบสเป็นจุดๆทั่วหน้า กระจายๆ หลายๆจุด
เพราะจะง่ายต่อการเกลี่ย โดยวิธีการเกลี่ยคืนใช้แปรงขนเม่นจาก Holika Holika วนเป็นวงกลม
ไปทั่วๆหน้า แล้วค่อยๆขยับจากที่นึงไปอีกที่นึง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ

แปรงจะเบลนด์เนื้อเบส ( หรือใครลงพวกรองพื้นชนิดน้ำ บีบีครีม ก็ใช้ตัวนี้ได้เช่นกัน ) ให้เรียบเนียน
ไปกับผิวหน้า และดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นคราบปื้นๆนั่นเอง

ลืมถ่ายขั้นตอนการกลบรอยสิวไว้ ยังไงดูใน VDO ได้ค่ะ ออนถนัดใช้นิ้วแต้มคอนซีลเล่อร์มากกว่าแปรง
เพราะว่าค่อนข้างสะดวก และเก็บรายละเอียดได้เยอะดี คอนซีลเล่อร์ตัวนี้เป็นคอนซีลเล่อร์แบบน้ำของ M.A.C
รุ่น Select Cover Up เนื้อเกลี่ยง่าย ไม่หนืด ไม่แห้งเร็วจนเกินไป ซึ่งวิธีการง่ายๆคือบีบคอนซีลเล่อร์ออกมานิดเดียว
แล้วใช้นิ้วกลางค่อยๆแตะคอนซีลเล่อร์ไปตรงรอยดำต่างๆที่เราต้องการจะกลบ ถ้ายังปิดรอยไม่มิดก็ค่อย
แตะเพิ่ม แต่ไม่อยากให้ใช้ปริมาณเยอะๆตั้งแต่รอบแรก เพราะจะทำให้ดูไม่เนียน ไม่ธรรมชาติ

ตามมาด้วยคอนซีลเล่อร์สำหรับทาใต้ตา หรือปกปิดรอยคล้ำดำนั่นเอง ตัวนี้ของ M.A.C รุ่น
Studio Finish SPF35 Concealer เป็นคอนซีลเล่อร์เนื้อครีม ซึ่งจะแห้งไวกว่าตัวข้างบน
วิธีการที่พี่เก๋ BA จาก M.A.C แนะนำมาคือ ใช้นิ้วกลางแตะคอนซีลเล่อร์ และปาดที่ตาเรารอบเดียวเลย
ไม่ต้องค่อยๆแตะๆ ปาดรอบเดียวแล้วเนื้อครีมจะเนียนมาก แล้วหลังจากนั้นค่อยๆใช้นิ้วแตะๆเกลี่ยๆ
เก็บรายละเอียด ออนมักจะทาคอนซีลเล่อร์ที่เหลือที่ปลายนิ้วตรงบริเวณเปลือกตาบนด้วย เพราะรู้สึกว่า
ทำให้อายแชโดว์ติดทนขึ้น คล้ายๆกับเป็น Eye primer ไปในตัว

มาถึงการใช้ MMU หรือ Mineral Make-Up บ้าง ครั้งนี้ลองใช้ตัวรองพื้นเพิ่มขึ้น จากที่ปกติใช้
แป้งม่วงของ Lauress อยู่แล้ว ตอนแรกแอบไม่ค่อยกล้าใช้พวกรองพื้นกับแป้ง หรือแม้กระทั่งบลัชออน
เพราะชอบคิดว่ามันจะติดไม่ทนหน้า เท่าพวกแป้งหรือรองพื้นอัดแข็ง แต่พอได้ลองใช้นี่เปลี่ยนความคิดจริงๆ
เนียนมากกก ติดทนมาก ขนาดนอนหลับ กลิ้งไปกลิ้งมา ตื่นมายังใช้ได้อยู่ แป้งหลุดไปนิดหน่อย

ด้านซ้ายคือตัวที่ออนจะใช้เป็น Minimalist Foundation สี Subtle Ivory โดยวิธีการลงจะใช้เป็นแปรง
ปุ้มปุ้ยหรือแปรง Kabuki จาก Lauress ลงนั่นเอง ซึ่งเทคนิคการลงแป้งให้เนียนนี้ ออนก็แอบเก็บมาจาก
M.A.C เหมือนเดิม เวลาพี่เก๋แต่งหน้าให้ ก็จะแอบถามต่างๆนานา เพิ่มเติมอีกนิดนึงคือ ถ้าใครมีผิวแพ้ง่าย
แนะนำว่าให้ใช้พวกเครื่องสำอางค์ที่เป็น MMU เพราะส่วนผสมของเครื่องสำอางค์จะเน้นความเป็นธรรมชาติ
และแร่ธาตุมากกว่าสารเคมี ที่สำคัญเพื่อนฝรั่งออนที่ใช้มานานๆ ก็บอกว่าผิวดูสุขภาพดีขึ้น ใสขึ้น เหมือน
ผิวได้หายใจมากกว่า ดังนั้น MMU น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนผิวแพ้ง่ายๆด้วยค่ะ

มาดูแปรง Kabuki กัน บางคนเจอปัญหาที่ว่าใช้แปรงคาบูกิปัดแป้งแล้ว แป้งไม่ติดหน้า
หรือติดแป้บเดียวแล้วแป้งหลุด ไม่ทน ไม่เนียน ดูไม่เด้ง ดังนั้นวันนี้จะมาแนะนำเทคนิคในการปัดแบบของออนให้ดูค่ะ

ขอนอกเรื่องนิดนึง ในรูปเป็นขนาดของแปรงที่เปรียบเทียบกับมือให้ดู เผื่อใครอยากดูขนาด
และคิดว่าแปรงปุ้มปุ้ยที่ขายๆกันจับไม่ถนัดมืด เพราะด้ามจับสั้นไป เล็กไป ตัวนี้จะค่อนข้างยาว ดังนั้นจับได้ถนัดมือค่ะ
ขนแปรงนิ่มใช้ได้ ไม่บาดหน้า ราคาอยู่ในระดับปานกลาง ถ้าเทียบกับแปรงคาบูกิรุ่นอื่นๆ ไม่แพงและไม่ถูกจนเกินไป

ใช้แปรงจิ้มตัวเครื่องสำอางค์ที่เราจะใช้ ในรูปเป็นตัว Minimalist Foundation สี Subtle Ivory
ซึ่งพอจิ้มออกมา ตัวรองพื้นจะกระจุกรวมกันแบบนี้ ถ้าปัดไปเลย จะทำให้เปลืองรองพื้น และดูหนาเกินไป
ดังนั้นเรามีวิธีแก้คือ

หาถ้วยพลาสติก หรือแก้ว หรืออะไรก็ได้ที่สะอาดมา แล้วใช้แปรงที่จิ้มรองพื้นหรือแป้งแล้ว
วนๆเข้าไปในถ้วย วิธีนี้จะช่วยกระจายเครื่องสำอางค์ให้เสมอกันทั่วแปรง และที่สำคัญเครื่องสำอางค์ที่เหลือ
ก็จะอยู่ในถ้วย แล้วเราก็สามารถใช้ต่อได้เลย เพราะปริมาณขนาดที่ออนจิ้มมา พอสำหรับหน้าและคอค่ะ
ไม่ต้องใช้มาก ไม่เปลืองเครื่องสำอางค์

ขั้นตอนหลังจะอยู่ตรงนี้ เราจะกดแปรงเบาๆลงบริเวณหน้า แล้วหมุนเป็นวงกลมๆ เหมือนกับเวลา
เราใช้เครื่องนวดหน้านั่นเอง หมุนเป็นวงกลมๆแล้วค่อยๆเขยิบจากที่นึงไปที่นึงช้าๆ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เน้นว่าให้กดแปรงลงที่หน้านึดนึงนะคะ พอแป้งหมดจากแปรง เราก็แตะแป้งเพิ่ม แล้วหมุนไปเรื่อยๆ ให้ทั่วทั้งหน้า
รับรองว่าวิธีนี้ทำให้แป้งติดทนมากๆ เพราะเคยใช้แปรงคาบูกิปัดๆ แล้วสุดท้ายแป้งหลุดเร็วมาก

ยิ่งถ้าใครมีตัว M.A.C Charged Water หรือสเปรย์ฉีดก่อนแต่งหน้าแล้วด้วย ยิ่งช่วยมากๆค่ะ
ฉีดเบาๆก่อนแต่งหน้าฟิต-สองฟิต แล้วใช้แปรงตัวนี้แตะแป้งลงไปเลย รับรองว่าเนียนสุดๆ

ผิวหลังจากที่ลงเบสเขียวและแป้งรองพื้น MMU เรียบร้อยแล้ว จะเนียนใกล้เคียงกับในรูปค่ะ
ในรูปกล้องค่อนข้างเนียนเกินความเป็นจริง ปกปิดได้ดีในระดับนึงเลย เพราะสิวผดที่หน้ากลบมิดมากๆ

หลังจากนั้นใช้บลัชออนสีที่ตัวเองต้องการปัดไปตามรูปหน้าอย่างที่ทุกคนรู้กัน
ซึ่งการปัดครั้งนี้ ออนจะไม่จับแปรงแน่นๆ แล้วปัดเฉียงแบบตั้งใจ แต่จะเน้นความสบายๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจ
แต่ก็ยังให้อยู่ในรูปหน้าที่เราต้องการ อธิบายงงๆ จริงๆแล้วคือปัดเหมือนไม่ได้ตั้งใจปัด เพราะจะได้ลุคที่ดูธรรมชาติ
เป็นแก้มที่ดูสุขภาพดี มากกว่าการปัดอะไรเป็นปื้นๆ ทางๆ

บางคนยิ้ม บางคนไม่ยิ้ม ของออนก็แล้วแต่ครั้ง แต่จะปัดลวกๆ ให้แปรงพอผ่านหน้าพอ
เพราะไม่ได้อยากได้แก้มที่ชมพูเป็นตุ๊กตา ขอแค่ดูมีน้ำมีนวลก็พอแล้ว

กลับมาที่ตัวสุดท้ายนั่นก็คือแป้งม่วงนั่นเอง อยู่ในกลุ่มของ Enhancer สี Chiffon แต่เพื่อความสะดวก
และง่ายต่อการจำ ออนเรียกว่าแป้งม่วงนะคะ แป้งม่วงจะฮิตเป็นพักๆ เพราะว่าหลายๆคนจะใช้มาปัดหน้า
เป็นขั้นตอนสุดท้าย คล้ายๆกับ Finishing powder ซึ่งแป้งม่วงมีคุณสมบัติในการลดความหมองคล้ำของผิวหน้า
และช่วยให้ผิวหน้าดูสว่างสดใสมากขึ้น ออนก็ใช้แปรงคาบูกิตัวเดิม แตะแป้งม่วงเบาๆ วนๆในแก้ว
แล้วก็ปัดเบาๆทั่วหน้า ไม่ต้องกด เน้นว่าเบาๆเท่านั้นค่ะ

เสร็จแล้วก็จะออกมาเป็นแบบนี้
อันนี้คือลุคที่ออนต้องการให้ดูในการเตรียมผิวหน้าสำหรับ base make-up นะคะ
ไม่ใช่ complete look ที่มี point make-up แล้ว บางคนอาจจะแต่งลุคแบบนี้ไปวันสบายๆ
ไปเรียน หรือทำงานก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบ แต่ถ้าใครคิดว่ามันดูจืดและธรรมดาเกินไป
อาจจะเขียนอายไลเนอร์อ่อนๆเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ให้ดวงตาดูคม และมีมิติมากขึ้น

ในรูปนี้ถ่ายตอนอยู่เซี่ยงไฮ้ ใช้ขั้นตอนทุกอย่างเหมือนการแต่งข้างบน
แต่กรีดอายไลเนอร์อ่อนๆ ด้วยดินสอสีดำ ให้ชิดขอบตามากที่สุดเพิ่มมานั่นเอง

จะเห็นว่าการเตรียมผิวหน้าให้เรียบเนียนก่อนการแต่งส่วนอื่นๆต่อนั้น ถือว่าช่วยได้เยอะมาก
เพราะต่อให้ไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่ม ก็ช่วยทำให้หน้าของเราดูนวลเนียนมากขึ้น ดูไม่โทรม ดูไม่มัน
ที่สำคัญดูไม่เยอะเกินไป แต่งได้ในทุกๆวัน และใช้เวลาไม่นาน