เที่ยวละไม ไปกับโครงการหลวง

12 24
ทราย เดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่บ่อยมาก เรียกได้ว่าช่วงหลังๆ ทรายเดินทางขึ้นเชียงใหม่ทุกปีโดยเฉพาะอ่างขาง ด้วยสภาพอากาศ ผู้คน และบรรยากาศโดยรอบที่ยังบริสุทธิ์อ่างขางจึงมีเสน่ห์ดึงดูดใจให้เดินทางกลับ ไปเยือนเสมอ

ทริ ปเชียงใหม่ในครั้งนี้จุดหมายปลายทางไม่ได้จบที่จีบันสัญจรเชียงใหม่เท่านั้น แต่จุดหมายหลักของเราคืออ่างขาง กับทริป “เดินตามรอยเท้าของพ่อ” ไปเยี่ยมชมโครงการหลวงจากจุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้กันเลย 

สายๆ ของวันเสาร์ เราเดินทางออกจากตัวเมืองเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่อำเภอฝาง ระหว่างการเดินทางเราแวะพักรับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ห้วยลึก ที่นี่เป็นจุดพักรถและแวะทานอาหารกลางวันที่น่าสนใจอีก 1 ที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยลึก ตั้งอยู่ที่อำเภอเชียงดาว การเดินทางสังเกตได้ง่ายมากถ้าเราเดินทางมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ที่ตั้งโครงการก็จะอยู่ทางขวามือ เมนูอาหารที่นี่น่าสนใจอยู่หลายเมนู แต่มาถึงเชียงใหม่ทั้งทีทรายขอแนะนำเมนูขนมจีนน้ำเงี้ยว ตอนที่สั่งไปตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พอได้ชิมแล้วอยากสั่งเพิ่มเลยเพราะว่าอร่อยมากก จานอื่นๆ เช่นผัดผักก็อร่อยเช่นกัน ผักที่นี่สด อวบอ้วน ผักสดๆ แบบนี้หากินได้ไม่ง่ายนักในเมืองหลวง พวกเรานั่งทานอาหารกันไปพร้อมกับพูดคุยกันไป ที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยลึกจะมีแปลงดอกไม้ของเกษตรกรถ้าสนใจก็สามารถ ขับรถเข้าไปชมโครงการด้านในได้ค่ะ เมื่อเติมพลังกันเรียบร้อยก็เดินทางออกจากห้วยลึกช่วงบ่ายอ่อนๆ มุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอฝางเพื่อแวะเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ 1 (ฝาง)

พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงตั้งอยู่ใน บ้านยาง ต.แม่งอน อ.ฝาง แรกพบเราถึงกับอึ้งเล็กๆ เพราะสิ่งก่อสร้างที่เราเห็นมันช่างต่างจากที่เราคิดจริงๆ ที่นี่ได้ก่อสร้างขึ้นมาอย่างสวยงามด้วยกระบวนการคิดที่คัดมาแล้วอย่างดีแต่ กลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ไม่มีสิ่งก่อสร้างที่ดูแปลกแยกออกไปให้ขัดใจกับธรรมชาติรอบๆ เลย 



การเดินเยี่ยมชมโครงการในครั้งนี้มีมัคคุเทศน์น้อยมาพาเราเดินชมและคอยอธิบายข้อสงสัยต่างๆ ให้พวกเราได้เข้าใจด้วย มัคคุเทศน์น้อยก็จะเป็นเด็กๆ ในหมู่บ้านที่อาสามาทำงานให้กับหลวง เริ่มเดินชมกันตั้งแต่ด้านหน้าทางเข้า น้องปูปูทำหน้าที่อธิบายตั้งแต่สัญลักษณ์ของโครงการที่เราสังเกตุเห็นว่า เป็น "๑" น้องปูปูอธิบายว่าด้านในที่เป็นสัญลักษณ์วงกลมเหมือนหัวน๊อตหมายอุตสาหกรรม ส่วน "ด" หมายถึงทะเบียนรถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "สีเหลือง" หมายถึงสีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และวงกลมด้านนอก หมายถึง ในหลวงท่านทรงดูแลเรารอบด้านทั้ง  360° และหมายถึงความกลมเกลียวกันของคนในชาติ

น้องปูปูเล่าให้กับพวกเราฟังว่าที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต (Living Site Museum) เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่มีชีวิต พิพิธภัณฑ์นี้แบ่งออกเป็นส่วนๆ เราเดินเข้าไปข้างในก็จะเห็นว่ามีลานกิจกรรม ลานนี้จะมีไว้สำหรับให้ชาวบ้านมาทำกิจกรรมเช่นมาเอาผลงานมาโชว์ที่บริเวณนี้

ส่วนแรกของพิพิธภัณฑ์เป็นเรื่องราวของชีวิตมีชื่อว่า "ชีวิตชายขอบ" ห้องนี้จะนำเสนอข้าวของเครื่องใช้ในสมัยอดีต บอกเล่าเรื่องราวของการดำเนินชีวิตผ่านข้าวของเครื่องใช้ เช่น อานม้า ตะเกียงเจ้าพายุ กระทะใบบัว เราสังเกตุเห็นว่ามีกาน้ำด้วยน้องปูปูบอกว่ากาน้ำพวกนี้มีไว้สำหรับล้างมือ ก่อนเข้าทำพิธีของชาวมุสลิม ก่อนจะออกจากห้องนี้ไปอีกห้อง น้องปูปูได้ให้เราดูวีดีโอเรื่องราวของชาวชุมชนบ้านยางก่อนที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จมาที่นี่ วีดีโอบอกเล่าความเป็นอยู่และเรื่องราวในอดีต โดยปิดท้ายด้วยการทิ้งภาพปริศนาเอาไว้เป็นเสี่ยงเฮลิคอปเตอร์


 

เมื่อเดินเข้ามาอีกห้องจะมีรูปบอกเล่าเรื่องราวการกำเนิดโครงการหลวง ข้อความของประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่แสดงความรู้สึกที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีโรงงานจำลองที่บอกเล่าเรื่องราวการผลิตในยุคตั้งต้นถ่ายทอดเรื่องราวเป็นภาพยนตร์ด้วยเทคนิคสื่อผสมที่ทันสมัยมาก ดูแล้วเพลินไปเลย ห้องต่อมาจะเป็นเรื่องราวของเหตุการณ์น้ำท่วมเมือปี พ.ศ. 2549 ที่พัดถล่มโรงงานหลวงและหมู่บ้านพังยับเยิน จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้โรงงานหลวงพังเสียหายเกือบทั้งหมด และหลัง จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นหม่อมเจ้าภีคเดช รัชนี พร้อมทั้งหน่วยงานต่างๆก็เข้ามาร่วมฟื้นฟูหมู่บ้านและโรงงานหลวงให้กับมา เหมือนเดิม ภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ถ่ายทอดออกมาเป็นรูปแบบวีดีโอ บอกเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์ต่างๆจากคนที่รอดชีวิต


 

หลังจากเดินชมพิพิธภัณฑ์แล้วเราก็เดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเยี่ยมชมโรงงานหลวงกัน มัคคุเทศน์คนใหม่ที่จะพาเราเยี่ยมชมโรงงานคือน้องปาล์ม หลายคนคงสงสัยว่าโรงงานหลวงผลิตสินค้าอะไรบ้าง แต่ถ้าทรายพูดถึงสินค้า "ดอยคำ" ทุกคนคงร้องอ๋อ! ขึ้นมาทันที ที่โรงงานหลวงแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเพาะปลูกและรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรเพื่อนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ



หลังจากเยี่ยมชมโรงงานหลวง เสร็จน้องปูปูและน้องปาล์มพาเราเดินไปเยี่ยมชมชุมชนที่ชุมชนบ้านยางซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก ผู้คนที่นี่ส่วนมากจะเป็นชาวจีนยูนนานและมีหลายศาสนา ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม ที่นี่จึงมั้งวัด โบสถ์ และมัสยิ  น้องปูปูพาเราไปที่วัดเจ้าแม่กวนอิมพระราชทาน ที่วัดนี้จะมีแต่แม่ชีเท่านั้น เราขึ้นไปไหว้พระขอพรพร้อมเสี่ยงเซียมซีที่ว่ากันว่าแม่นมาก น้องปูปูบอกว่าแม่ชีน้อยที่เราเห็นนั้นถ้าบวชตั้งแต่เด็กก็จะต้องบวชไปตลอดชีวิต เพราะมีความเชื่อว่าถ้าหากสึกออกมากลางครันจะไม่ดี เราเดินเล่นรอบวัด ข้างบนวัดอากาศดีมากแถมยังมองเห็นโรงงานหลวงทุกมุมซะด้วย และเมื่อเดินออกจากวัดเข้าสู่หมู่บ้าน เยี่ยมชมร้านค้าบ้านเรือน ได้เดินพูดคุยกับคนในหมู่บ้านบ้างยิ่งรู้สึกได้ว่าที่นี่ยังบริสุทธิ์มาก ทั้งคนทั้งอากาศจริงๆ แถมวันที่เราไปโชคดีมาก เพราะมีตลาดนัดประจำสัปดาห์พอดี ฉะนั้นก็เลยไม่พลาดที่จะไปเช็คเทรนด์มาฝาก!!!! 



 

ก่อนจะไปทานมื้อค่ำกันพวกเราแวะไปไร่สตรอเบอร์รี่คุณภูชิต บอกได้คำเดียวว่าตื่นตาตื่นใจมากแม้เราจะไปถึงเย็นมากแล้วแต่สตรอเบอร์รี่ ที่นี่ยังส่องแสงเงาแว้บ ที่ไร่คุณภูชิตมีสตรอเบอร์รี่หลายพันธุ์มากแต่ที่ดึงดูดใจเราจนแทบไม่อยากเดินออกมาเลยคือพันธุ์ 80 พรรษา ลูกใหญ่หวานสะใจ!!! พูดได้เต็มปากเลยว่าสตรอเบอร์รี่ที่นี่อร่อยไม่แพ้ชาติใดในโลก ถ้ามีโปรแกรมไปเที่ยวอ่างขางก็แวะเที่ยวไร่คุณภูชิตก่อนได้ค่ะ ถ้าขับรถมุ่งหน้าขึ้นอ่างขางไร่จะอยู่ทางซ้ายแวะเข้าไปช่วยกันซื้อและแวะชิมได้ค่ะ

เราเก็บสตรอเบอร์รี่กันจนมืด มองนาฬิกาก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ซึ่งมื้อนี้เราจะไปหม่ำสุกี้ยูนนานร้านเจ๊เหมยกัน เราขับรถย้อนกลับเข้าไปในบ้านยางอีกรอบ ที่ร้านนี้เป็นร้านที่ตกแต่งแต่งแบบจีนมีโคมไฟสีแดงตกแต่งอยู่หน้าร้าน ที่นี่มีบ้านดินให้พักด้วยสงบเงียบเหมาะแก่การมาพักผ่อนหาเวลาอยู่กับตัวเอง เดินถ่ายรูปกันจนเพลินหม้อสุกี้พร้อมแล้ว !!!

แถ่น แถน แถ้น.... หม้อสุกี้ใหญ่มากและผักสดเยอะแยะมองดูแล้วเป็นมื้อสุขภาพสุดๆ นับว่ามื้อนี้กลายเป็นมื้อสุดอร่อยอีกมื้อเลยล่ะ!

สุกี้ยูนนานจะเป็นหม้อไฟที่ในหม้อจะจัดเรียงอาหารเป็นชั้นๆ นับได้ 10 ชั้นเวลาทานให้ทานให้ตักในส่วนที่อยู่ด้านหน้าของเรา ตักตั้งแต่ชั้นล่างถึงบนขึ้นมาพร้อมๆ กันพอมีช่องว่างก็ใส่ผักลงไป ซดน้ำซุปร้อนๆ ผักสดกรอบ อร่อยอย่าบอกใครเชียว นอกจากสุกี้ก็ยังมีหมูพันชั้นกินคู่กับหมั่นโถว หมูนุ่มๆกินคู่กันกับหมั่นโถวจินตนาการภาพตามได้เลย หมูรสชาดหวานๆเค็มๆ กัดหมั่นโถวคู่กันเคี้ยวง่ำๆอร่อยเหาะ จริงๆ เมนูอื่นๆ ก็อร่อยแต่อาหารที่นี่จานใหญ่มากเรากินได้ไม่ครบเสียดายมาก ถ้าหากมีโอกาสไปแถวนั้นอย่าลืมแวะไปทานกันนะคะ จบมื้อหนักๆ คืนนี้เราก็เดินทางกลับที่พักที่รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง



เช้าวันต่อมา
อากาศสดชื่นเย็นสบายมาก โดยปรกติทรายจะเดินทางมาที่นี่ช่วงเดินมกราคม อากาศจะค่อนข้างหนาวจัดทรายไม่เคยมาช่วงเวลานี้เลย พอได้มาแล้วก็รู้สึกชอบนะเพราะเช้าๆ อากาศเย็นกำลังดีไม่หนาวทรมานจนทำอะไรไม่ได้เหมือนช่วงเดือนมกราคม หลังจากจัดการมื้อเช้ากันเรียบร้อยเราก็เริ่มต้นการเดินทางกันอีกครั้ง พอยท์แรกของเราในวันนี้คือบ้านนอแล ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการที่ติดกับพม่า เมื่อเข้าไปเราจะเห็นฝั่งพม่าและฐานปฏิบัติการของทหารพม่าที่ตั้งอยู่ ห่างออกไปประมาณ 1 กม. เราแวะถ่ายรูปเช็คพอยท์และลงชื่อให้กำลังใจทหารที่ปฎิบัติการปกป้องแผ่นดิน เพื่อพวกเราแล้วก็เดินทางต่อ

ขับรถย้อนกลับออกมาทางสายเก่าเพื่อเดินทางไปเยี่ยมชมแปลงชา 2000 ที่นี่จะเป็นการปลูกชาแบบขั้นบันได แม้เราจะเดินทางไปถึงในช่วงสายมากแล้ว แต่อากาศก็ยังเย็นสบายมีลมโชยมาเอื่อยๆ เรานั่งอยู่ในศาลาเล็กๆ นั่งชมเกษตรกรรดน้ำต้นไม้ เกษตรกรกลุ่มนี้เป็นชาวเขาชนเผ่าประหล่องที่ปลูกและดูแลผลผลิต แล้วแปรรูปด้วยวิธี คั่วชาโบราณ ในกระทะใบบัวที่ใช้ฟืนโดย ชาที่คั่วจากฟืนจะมีกลิ่นหอมจากฟืน น้ำชาก็จะชุ่มคอ แล้วชาวประหล่องก็จะส่งต่อให้กับโครงการหลวงช่วยจำหน่ายอีกทอดนึง



อีกหนึ่งจุดที่จะต้องไปแวะคือแปลงสตรอเบอร์รี่ ที่หมู่บ้านขอบด้ง ของชนเผ่ามูเซอร์ดำ ที่นี่ปลุกสตรอเบอร์รี่แบบขั้นบันไดและวิวสวยมากกกกกกกก แปลงสตรอเบอร์รี่ที่นี่มีหลายพันธุ์แต่พันธุ์ที่เราสนใจก็เหมือนเดิมคือ พันธุ์ 80 พรรษา หวานกรอบลูกโตนั่นเอง พื้นที่การเกษตรที่นี่จะได้รับการดูแลจากทางโครงการหลวง หลวงจะให้พันธุ์ ให้พื้นที่ในการปลูกและช่วยรับซื้อ ทำให้คนที่นี่มีอาชีพทำกิน ซึ่่งแปลงสตรอเบอร์รี่นี่มีความพิเศษคือสามารถเด็ดกินได้เลยเพราะเขาใช้ปุ๋ยชีวภาพ ไม่มีสารเคมีตกค้าง เด็ดกินได้ไม่ต้องล้างน้ำ ทีมงานแอบบอกว่าถ้าหากว่าเอาสตรอเบอร์รี่ไปล้างน้ำแล้วรสชาติจะเปลี่ยนไม่หวานอร่อยเหมือนออริจินัลนะจ๊ะ


จากขอบด้งเราเดินทางเข้าสู่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เพื่อไปชมแปลง ดอกลาเวนเดอร์ สาวๆ อ่านไม่ผิดหรอกค่ะแปลงดอกลาเวนเดอร์จริง ปลูกเป็นทุ่งสวยมากก มาอ่างขางไม่รู้กี่รอบไม่เคยเจอแปลงนี้เลย ดอกป๊อบปี้สีแดงและดอกลาเวนเดอร์สีม่วงส่งกลื่นหอมฟุ้งทั่วทุ่ง ตอนนั้นคิดถึงหนังเรื่องทไวไลท์ภาค 3 ที่นางเอกเดินตะลุยทุ่งดอกไม้ยังไงยังงั้น ชาวเราก็โพสท่าถ่ายรูปแบบไม่มีกลัวแดดกันปานว่าไปเที่ยวโพรวองซ์กันเลยทีเดียวเชียว

พอออกจากแปลงดอกไม้เราก็เข้าเรือนดอกไม้ที่มีดอกไม้นานาชนิดรวมกันต่อ และแวะทานมื้อกลางวันที่ศูนย์อาหารก่อนที่จะอำลาอ่างขางมาอย่างไม่เต็มใจนัก 

จบทริปสั้นๆ แต่ความประทับใจล้นเหลือ จนต้องบันทึกไว้ในความทรงจำอีก 1 ทริป ขอบคุณพี่เป้กับพี่เหมียงที่พาเราเที่ยว และการที่ได้มาเห็นในสิ่งที่พระบาทสมด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทำไว้ให้กับพวกเราชาวไทย ทรายรู้สึกชื่นชมในวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของพระองค์ท่านมาก ดังคำที่ว่า "ช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก" แสดงให้เห็นว่าท่านไม่ได้ทรงห่วงใยเฉพาะชาวเขา แต่การช่วยเหลือให้ชาวเขาได้เลิกปลูกฝิ่น กลายมาเป็นเกษตรผู้ชำนาญและมีพื้นที่ทำกิน ก็ยังทำให้พวกเราคนอื่นๆ ในประเทศ (และชาวโลก) ได้มีแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์และปลอดสารพิษเพิ่มมากขึ้น ทุกอย่างเราสัมผัสได้ถึงความรักที่ท่านทรงมีให้กับพสกนิกรของท่านและยิ่งทำให้เรารู้สึกซาบซึ้้งในพระมหากรุณาธิคุณมากขึ้นไปอีก 

หากวันหยุดหน้ายังคิดไม่ออกว่าอยากไปเที่ยวไหนก็อย่าลืมแวะมาที่ "พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑ " มาสัมผัสชีวิตของคนที่นี่มาดูสิ่งที่พ่อของพวกเราทำให้กับลูกๆ ของท่าน มาดูดอกไม้สวยๆที่ "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง" กันนะคะ

ปล.ทริปอ่างขางเที่ยวได้ทั้งปี ใครแวะเวียนไปแล้วอย่างลืมมาเล่าให้ฟังบ้างว่าประทับใจกันแค่ไหนนะคะ 


เข้าไปดูรูปเพิ่มเติมได้ที่นี่ www.facebook.com/album.php?id=156796752044&aid=275364



พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงตั้งอยู่ที่ ๗๒ หมู่ ๑๒ ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ ๐๕๓-๐๔๑ ๐๒๑
www.firstroyalfactory.org

สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โทร ๐๕๒ ๔๕๐ ๑๐๗-๙  www.angkhangstation.com


ไผ่ไร้กอ

ไผ่ไร้กอ

Love you Jeban ^_^

FULL PROFILE