รวมการแต่งหน้าสุดยอดแฟนซีแห่งปี By KATE

17 37



 

      สวัสดีชาวจีบันอีกครั้งค่ะ คราวนี้จะนำเคล็ดลับการแต่งหน้าแนวแฟนซีมาฝากชาวจีบันกันค่ะ จากประสบการณ์ตรงและเป็นแนวที่เคทถนัดมาก และงานของเคทแต่ล่ะครั้งในการแต่งหน้าแบบแฟนซี จะมีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นค่ะ เพราะทำออกมาแล้วจะไม่ทำซ้ำอีกรอบเนื่องจากเป็นงานที่ออกมาจากไอเดียล้วนๆ งานแต่ล่ะครั้งของการแต่งหน้าแฟนซี จึงมีเอกลักษณ์ในตัวของมันเองมากๆ งานที่จะยกมาเป็นตัวอย่างในการแต่งหน้าครั้งนี้คือ เจ้าสาวแวมไพร์ค่ะ แต่เน้นความแฟนซีที่แปลกไปจากแวมไพร์สาวทั่วๆไป แนวความคิดของเคทนั้นค่อนข้างแปลก แต่ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ลองมาศึกษาเทคนิคต่างๆกันค่ะ :-)

THE DARKNESS BRIDE OF VAMPIRE ( Special tips of Fancy make up : Night Fancy Party )

       เตรียมผิวหน้าให้พร้อม โดยการลง Primer เพื่อปรับสภาพผิวทุกครั้งหากต้องการลงรองพื้น เคทเลือกใช้ของ Laura ค่ะ เพราะอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว ไร้ความมัน และช่วยให้ผิวเรียบลื่น ทำให้ง่ายต่อการเกลี่ยคอนซีลเลอร์ และรองพื้นค่ะ การใช้คอนซีลเลอร์ จะช่วยประสานผิวที่มีรอยหมองคล้ำ หรือรอยแดงให้จางหายไป ถือเป็นกลยุทธที่ใช้ได้ผลมากสำหรับคนที่ทำงานดึก หน้าโทรมและอยากใช้วิธีแก้ในเวลาเร่งด่วน เคทเลือกใช้ Make Up Store Concealer ที่เป็นชนิดครีม เกลี่ยง่าย แลดูเป็นธรรมชาติกับสภาพผิวจริง และกระจ่างสดใสขึ้นค่ะ วิธีการเลือกรองพื้นตามสภาพผิวจริง ควรเลือกสีที่สว่างจากผิวหน้าเพียงหนึ่งเบอร์เท่านั้น ไม่เลือกขาวมากนะคะ เพราะหน้าจะลอย หากต้องการปกปิดริ้วรอยให้เลือกใช้คอนซีลเลอร์แทนค่ะ รองพื้นเป็นการช่วยให้คนสีผิวไม่สม่ำเสมอ มีสีผิวที่ดูเรียบเนียน และสีผิวเท่ากันหลังการเลือกสีที่ถูกต้องตามสภาพผิวคะ การทดลองเลือก คือนำรองพื้นมาแต้มบริเวณหลังมือ เพราะบริเวณนั้น สีผิวใกล้เคียงกับผิวหน้ามากที่สุด จากนั้นปาดจนเนื้อรองพื้นเซ็ตตัวกับผิวจริง รองพื้นที่ดีควรจะเกลี่ยแล้วเรียบเนียน ไม่ทิ้งคราบ และแห้งสนิท แต่หากเป็นคนผิวผสม ก็ต้องเลือกรองพื้นถึงสองเบอร์ เบอร์ที่อ่อนกว่า และเข้มกว่า มาผสมกัน แต่ผสมเบอร์ที่เข้มกว่าเพียง 1/3 จากเบอร์ที่อ่อนกว่านะคะ เพราะรองพื้นควรจะสีสว่างกว่าผิวหน้าจริงค่ะ 





อุปกรณ์ต่างๆ เช่น อายชาโดว์สำหรับทาตา บรัชออนสำหรับปัดแก้ม มาสคาร่าสำหรับปัดขนตาให้ยาว ลิปสติกหลากสีที่ไว้เลือกทาปากตามโอกาศ แปรงปัดหน้าที่มีตั้งแต่แปรงเขียนคิ้ว จนถึงแปรงสำหรับปัดแป้งฝุ่นขนาดใหญ่ รวมถึงขนตาปลอมและกากเพชรที่ไว้สร้างสีสันสำหรับราตรีที่ยาวไกล ^^ 




หลังการลงรองพื้น และตามด้วยแป้งฝุ่นชนิดโปร่งแสงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็จะรอให้แป้งเซ็ตตัว และเพื่อเป็นการล้อคผิวหน้าให้กระชับ ก็จะฉีดน้ำแร่บางๆให้ทั่วใบหน้า และทิ้งไว้ 1 วินาที ก็เป็นอันเสร็จ 



 

 

Eyes Liner Cream (BOBBI BROWN) ยังคงเป็นตัวเทพในตำนานที่ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยสักครั้ง เขียนบริเวณด้านในของขอบตาทั้งล่างและบน เน้นความคมชัด ใช้พู่กันลากเส้นเป็นมุมทแยงจากหางตาขึ้นมา เป็นมุม 45 องศา



Eyes Shadow เลือกใช้สีดำ มีประกายเกล็ดเพชร และสีทองน้ำตาล และผงทองชนิดละเอียดในการเพิ่มลูกเล่น ให้ตาเป็นประกายยามโดนแสงไฟสลัว จะดูโดดเด่นเหนือดวงตาทุกคู่


ไล่สีดำให้กระจายตัวและกดย้ำความเข้มของสี ที่ปลายหางตา เราจะพักการไล่สีของอายชาโดว์ไว้ เพราะเทคนิคอยู่ท้ายสุดของการแต่งหน้าค่ะ 

 

ดัดขนตาจนงอนสวย แล้วปัดมาสคาร่า รอมาสคาร่าเซ็ตตัว แล้วตอนนี้เราจะเลือกขนตาปลอมที่เหมาะกับการแต่งแฟนซีนี้กันค่ะ เคทเลือกชนิด ยาว หนา เป็นพิเศษ เลือกมาสำหรับติดทั้งล่าง บนของขอบตา นำมาตัดแบ่งเป็นสองส่วน ต่อขนตาหนึ่งอัน เพื่อการติดขนตาที่ง่ายขึ้น และเป็นการเพิ่มลักษณะความหนาของขนตาให้ยิ่งดูเป็นธรรมชาติขึ้นค่ะ 


การเลือกสีของบรัชออน ที่ค่อนข้างเข้ม สีออกชมพูสด แต่วิธีการปัดคือ การนำแปรงที่แต้มสีแล้ว มาเคาะที่หลังมือเบาๆ เพื่อให้สีกระจายตัว ไล้พู่กันเป็นแนวทแยงตามโหนกแก้ม เพื่อทำให้รูปหน้าดูเรียวขึ้น จากนั้น จะมีการใช้บอร์นเซอร์ สีชมพูทอง ในการไล้โหนกแก้มเพื่อสร้างรูปหน้าที่สมบูรณ์มากขึ้น


เคทเลือกสีลิป เป็นสีชมพูกลีบกุหลาบ แต่จะทำให้ดูซีดมากกว่าสีจริง โดยการทาสีนู้ดผสมลงไป จะทำให้ได้ปากสีชมพูซีดๆ เหมือนแวมไพร์ที่กระหายเลือด


    

 และนี่ก็คือไฮไลท์ของการแต่งหน้าในครั้งนี้ การวาดคิ้วให้โค้งงอ เหนือความจริง ชี้ถึงงานที่อยู่เหนือจินตนาการ การเขียนอายลายเนอร์ที่คมเข้ม ลงสีน้ำตาลทองและผงทองที่เตรียมไว้ ไล้เหนือเปลือกตาด้านบน และกดสีน้ำตาลทองทับสีดำที่ลงไว้ แล้วเบลนสีให้เข้ากัน โดยสีดำจะเป็นฐานให้สีน้ำตาลเด่นชัดที่ปลายหางตา และการเลือกขนตา สามระดับขั้นในการติด ที่ทำให้ตาดูโตเหนือธรรมชาติมาก แต่ก็ยังสวย โดดเด่น ให้สมกับเป็นแวมไพร์ที่ออกมาจากนิยายขายดีเล่มโปรด ที่เราชอบอ่านและเก็บมาเฝ้าฝันกัน 


BEFORE & AFTER เจ้าสาวแวมไพร์ ฉบับสวยสังหาร 



มีการเติมรายละเอียดที่เหมือนใยแมงมุมบนใบหน้าของนางแบบ เพื่อทำให้การแต่งหน้าดูน่าสนใจมากขึ้น มองอีกมุม ก็คล้ายเส้นเลือดฝอยที่แตกตัวบนใบหน้านะคะ แล้วแต่จินตนาการของแต่ละคน :-3










   ก็ยังเป็นนางแบบคนเดิม แต่เป็นการแต่งแฟนซีแบบหน้ากากคาลนิวัล ของประเทศอิตาลี่ โดยใช้เครื่องสำอางล้วนๆสร้างหน้ากากขึ้นมา แต่หน้ากากอันนี้ จะไม่พรากจากคุณจนกว่าจะเจอกับรีมูฟเวอร์นะคะ ก็ได้สวมหน้ากากเก๋ๆทั้งคืน ไม่ต้องถอด และไม่ต้องกลัวหาย เป็นแนวคิดที่เคทคิดขึ้นมา และนำมาใช้ได้จริงค่ะ เป็นรูปที่เคทถ่ายเองค่ะ หวังว่าชาวจีบันคงชอบกันนะคะ ^^ 



      หลังจากเกล็ดความรู้เรื่องเครื่องสำอาง ความสวยความงามแล้ว เคทยังมีสิ่งใหม่ๆที่อยากนำมาแชร์ด้วยค่ะ เพราะตอนนี้เริ่มสนใจการตัดเย็บเสื้อผ้าและการออกแบบ จริงๆคุณแม่เป็นดีไซเนอร์อยู่แล้วและท่านเคยทำให้ FLY NOW อยู่พักนึง แต่ตอนนี้ออกมาเปิดร้านเป็นของตัวเองแล้ว เคทมีโอกาศเรียนรู้จากแม่บ้าง และก็ชอบทางนี้เหมือนกัน แต่คงต้องใช้เวลาศึกษาอย่างจริงจัง เพราะตอนนี้อยู่ที่เมืองแฟชั่นแล้ว ถ้ามีโอกาศคงได้ทำเสื้อผ้าสักเซ็ตให้นิตยสารดังๆก็เป็นได้ ฝันต่อไป อย่าหยุดฝัน....นี่เป็นภาพประมวลจากชุดที่ทั้งตัดเย็บและออกแบบเองค่ะ ตอนนี้เป็นแค่งานอดิเรกที่ยังไม่ได้เริ่มจริงจังนะคะ และได้เรียนมาจากคุณแม่บ้างเท่านั้นจริงๆ = =* ทั้งสามชุดนี้เป็นคนออกแบบและตัดเย็บเองกับมือเลยค่ะ แอบภูมิใจ ยังมีเดรสยาวหลากสี ที่ทำจากผ้าซีฟองอีกหลายชุดเลยค่ะ ฝรั่งที่นี่เห็นแล้ว ถามซื้อกันบ่อยมาก เพื่อนๆที่เป็นช่างทำผมก็บอกให้ลองจัดแฟชั่นโชว์ของตัวเองดู แต่คงต้องอาศัยเวลา ถ้าจะทำอะไรสักอย่าง ต้องมั่นใจว่าทำได้ดีจริงๆ ถึงกล้าออกแสดงโชว์ ขอเวลาไปลงเรียนดีไซน์อย่างจริงจังที่ปารีส แล้วจะนำผลงานมาให้เพื่อนๆดูกันอีกนะคะ ^^ 






ก่อนจะลาไปเตรียมตัวสำหรับการถ่ายแฟชั่นในวันพรุ่งนี้ ก็ขอพาชาวจีบันไปเที่ยว ที่ๆมหัศจรรย์มากๆ เป็นดินแดนต้นกำเนิดของซานต้า คลอสและแสงอโรร่าที่จะได้เห็นเป็นบางเดือนเท่านั้น ดินแดนแห่งเทือกเขาน้ำแข็งที่ติด -40 องศา ณ ประเทศสวีเดน นครแห่งจันทรา Laponie ที่มีพระอาทิตย์ขึ้นเพียง 6 เดือนเท่านั้น ตั้งอยู่จุดสูงสุดของโลก ติดขั้วโลกเหนือ เคทได้ไปใช้เวลาช่วงวันหยุดกับสามีและเพื่อนสนิทที่นั่น เมื่อตอนปีใหม่ที่ผ่านมานี้ ฉลองในชุดบิกินนี่ในอ่างจากุชชี่ ที่ตั้งอยู่ข้างนอกโรงแรม ท่ามกลางหิมะที่หนาเหนือเข่า อุณภูมิอยู่ที่ -22 องศา หนาวเบาๆ ตัวแช่น้ำอุ่น แต่หัวมีน้ำแข็งเกาะไปเรียบร้อย จิบไวน์ก็ไม่ทำให้หายหนาวได้เลย แต่ได้ดูพลุสวยๆ ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา เหมือนเกล็ดคริสตัล เป็นประกายยามต้องไฟ สวยงามมาก ได้ยินมาว่า ถ้าไม่หนาวถึงขั้วลบจุดสูงสุด หิมะจะแตกตัวเป็นผงๆ แต่ที่นี่เราเห็นด้วยตาเปล่า เป็นคริสตัลขนาดเล็กมาก มีลักษณะเป็นดาวหกแฉก มันน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ รวมถึงการขี่หมาฮักกี้ลากเลื่อน และเที่ยวชมฟาร์มกวางที่เป็นต้นกำเนิดแห่งบ้านซานต้า คลอส หวังว่าเพื่อนๆคงได้ประโยชน์จากเกล็ดความรู้นี้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วเจอกันเมื่อมีภารกิจใหม่ๆมานำเสนอค่ะ ดุแลสุขภาพด้วยนะคะชาวจีบัน A Tres Gros Bisous ภาษาฝรั่งเศลแปลว่า จูบแบบเต็มๆไปเลย :-3


    

 

หมาไซบีเรี้ยน ฮักกี้ ของแท้และดั้งเดิม มีตาสองสี อีกข้างสีฟ้า อีกข้างสีนำ้ตาลอ่อน น้องหมาใจดีมาก ยอมให้ถ่ายแบบอยู่นิ่งๆเลย แต่คงหนาวเพราะอากาศติด -40 องศา น้ำมูกยังเป็นน้ำแข็งเลยคิดดู ประสบการณ์ในการมีน้ำแข็งเกาะขนตานี่มันสุดยอดจริงๆ อย่างนี้อยู่ในช่องฟิตตู้เย็นยังจะอุ่นซะกว่านะ บรื๋อออ 



     ใช้ขาตั้งกล้องถ่ายคู่กับน้องหมา เพราะคนอื่นๆหลบไปอยู่ในกระท่อมไม้ ผิงไฟอุ่นๆกัน มีเราคนเดียวที่บ้าถ่ายรูปสุดๆ และขอบอกว่า ใช้ถุงมือจับกล้องไม่ได้ ต้องถอดถุงมือ และมือแดงจากการถูกหิมะกัดจนไม่มีความรู่้สึกใดๆหลงเหลือ แบบไปกระแทกโดนอะไรก็มึนชา สุดยอดแห่งประสบการณ์ชีวิตจริงๆ ดูชุดที่เคทใส่ซะก่อน ข้างในมีเสื้อไหมพรม กางเกงยีนส์ที่สวมทับกางเกงเล็กกิ้งอีกชั้น และรองเท้าบูธยาง หนักมาก กันเท้าเปียกจากหิมะที่หนาเลยแข้งขึ้นมา ส่วนถุงมือขนาดหนาเอาไม่อยู่ค่ะ หนาวจนปวดกระดูก จมูกแข็ง เกินคำบรรยายจริงๆ


ถ่ายคู่กับหัวหน้าเผ่าลาโปนี่ ที่มีชีวประวัติของเผ่านับพันปี น่าจะตั้งแต่ยุคหิน เป็นเจ้าของฟาร์มกวาง ที่ซานต้า คลอสใช้เป็นพาหนะขี่ เค้ายังพูดติดตลกว่า ซานต้า ยังค้างเงินค่าเช่ากวางเค้าตั้งแต่ปีที่แล้วอยู่เลย :-) เห็นแล้วนึกถึงนักรบโบราณ ตัวใหญ่ๆ ใจดี 

 

     กวางแรนเดียร์ ที่ซานต้าใช้เป็นรถลากเลื่อน แจกของขวัญบนฝากฟ้าในตำนาน ช่างสวยงามเหมือนฝันจริงๆ ตัวนี้คงเป็นแม่พันธุ์ชั้นดีท่ี่ถูกแยกมาขังในกรงใหญ่ต่างหาก พร้อมตัวผู้สีดำที่มีเขาอันสง่างามคู่กัน ต้องลุยหิมะหนาถึงเอวเข้าไปถ่ายมา หนาวซึ้งถึงกระดูก แต่ภาพที่ได้มาช่างคุ้มค่าเหลือเกิน :-)




     แมวเสือ เป็นสัตว์ที่หาดูได้ยาก ต้องจังหวะดีมากจริงๆ แล้วเราก็โชคดีมีโอกาศได้เห็นตัวเป็นๆ และดีที่มีกล้องเทพอย่าง Nikon D300s และเลนส์ซูม 70-300 ระยะประชิดตัว เลยเก็บภาพสวยงามเช่นนี้มาฝากได้ 

     หนาวที่สุดกับการนั่งหมาลากเลื่อน ถ่ายภาพมาได้จากชุดหลังที่ลากเลื่อนตามคันของเรามาติดๆ 


      เค้าเล่ากันว่า ผู้ใดที่มีโอกาศได้พบเห็นแสงแห่งดาวตก หรือที่เรียกกันว่าแสงอโรร่า ถือเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาอย่างมาก เพราะไม่สามารถกำหนดเวลาที่ดาวตกได้ ขอบอกตรงๆว่า ตอนที่เห็น เราคิดในใจว่า ชีวิตนี้ถ้าตายเพราะหนาวจัดตอนนี้ก็คุ้มว่ะ สู้อุตส่าห์แบกกล้องและเลนส์มาถ่ายถึงที่ ได้รูปแบบนี้กลับมาก็ไม่เสียชาติเกิดจริงๆ มีแสงสลับสีสัน ได้อย่างน่าทึ่ง สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และมีที่นี่ ที่เดียวบนโลกที่จะเห็นปากฎการณ์เหล่านี้ มันตื้นตัน รู้สึกขนลุกทุกครั้งที่นึกถึง เป็นประสบการณ์ที่มีค่าสูงสุดในชีวิตนี้เลย :-)


 

 

ภาพแห่งความทรงจำถูกบันทึกโดย เคท และ Nikon D300s คู่ใจ



@France

@France

I am in France now and I worked as specialist photographer of model,make up details and human body.I love to be a part of your communities coz it seem like fun thou ^^ merci

FULL PROFILE