มอยเจอไรเซอร์คลุมผิวสำหรับช่วงหน้าร้อน (Rosacea Eczema)

มอยเจอไรเซอร์คลุมผิวสำหรับช่วงหน้าร้อน และแน่นอนว่าเป็นตัวที่เราค่อนข้างตื่นเต้นกับการได้ลองมาก

เพราะน้องเกิดมาเพื่อ Rosacea แท้ๆๆๆๆๆๆ

คือตัวนี้เขาจะแยกเนื้อออกเป็นสองตัว Madara SOS+ Sensitive Moisturizer & Night Cream

มาดูที่ส่วนผสมก่อนเพราะสองตัวนี้ไม่ได้ต่างกันเยอะมาก มีต่างกันแค่เบสที่ night cream จะแน่นกว่า ส่วน sensitive moisturizer จะเบากว่าเท่านั้น

นำสูตรมาด้วย Aloe juice ซึ่งมีคุณสมบัติปลอมประโลมผิว ไม่ได้ใช้น้ำแบบทั่วไป เป็นการเลือกส่วนผสมใช้ให้ยั่งยืนดี ได้ประโยชน์ทั้งเป็นเบสและเป็นตัวปลอบผิว

Jojoba oil ปิดผิว ให้ความชุ่มชื้น

Sodium PCA เป็น humectant อีกตัวที่ตีคู่มากับ hya แต่ว่าไม่ค่อยมีแบรนด์ไหนใช้เท่าไหร่ น้องเป็น humectant ที่ได้มาจาก amino acid ซึ่งอะมิโนเป็น NMF คือเป็นตัวให้ความชุ่มชื้นที่มีอยู่แล้วในผิวเรา ตามความเห็นเราคือเลือกตัวนี้มาแทนถือว่าโอเค เพราะ hya มีโอกาสทำให้ผิว burn ได้ถ้าเลือกโมเลกุลที่ไม่ถูกกับผิว ซึ่งจริงๆแล้วในตัวนี้มี hya อยู่ แต่เป็น hydrolyzed และอยู่ตัวสุดท้ายเลย เดาว่าแค่เอามาเสริมชุ่มชื้นเฉยๆ และอยู่ในลำดับท้าย โอกาสการระคายเคืองจะไม่มากอยู่แล้ว

Red Algae Extract สาหร่ายแดงที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและผิวฟู รวมถึงเรื่องริ้วรอยเพราะเป็น aox ตัวนึง แถมลดอักเสบและปลอบผิวได้ด้วย ตัวสาหร่ายนี้มี polysaccharides ซึ่งช่วยในการเสริมชั้นผิว ป้องกันการสูญเสียน้ำของผิว เป็นส่วนผสมที่มีประโยชน์ในหลายด้านและเหมาะกับผิว sensitive ด้วย

Mango Butter มี fatty acid เยอะ ช่วยปิดผิว เป็น emollient ที่ได้ทั้งประโยชน์และเนื้อสัมผัส มีวิตามิน A, E, C แต่มาในฟอร์มจากพืช โอกาสระคายเคืองต่ำ ถือว่าเป็น aox ในตัว ลดการอักเสบในผิว eczem.a/dermatiti.s ด้วย

Tocopherol หรือ vit e ช่วยในเรื่องความชุ่มชื้นและ aox 

Ascorbyl Palmitate ตัวนี้แหละพอรวมกับ vit e แล้วจะช่วยในเรื่อง aox ได้ดีมาก และฟอร์มนี้เด่นในเรื่องความชุ่มชื้นผิว ซึ่งส่วนตัวเราบอกเลยว่าคนที่มีปราการผิวอ่อนแอ การจะใข้ vit c ฟอร์มแน่นๆจ๋าๆอาจจะทำให้ระคายเคือง เบิร์นวูบวาบได้ คือผิวอาจจะไม่ได้ดีขึ้นเท่าการใช้ฟอร์มอ่อนๆแต่คงระยะยาวไว้ คิดว่าเลือกใส่ตัวนี้มาเพื่อให้ลดโอกาสระคายเคืองสำหรับผิว rosacea/eczema (คือผิวอ่อนแอ ปราการไม่ค่อยดีเป็นทุนเดิม) เพื่อเป็นตัว antioxdant มากกว่าเรื่องกระจ่างใส แต่มีก็ดีกว่าไม่มีล่ะ เพราะงั้นเราจะไม่เคลมเรื่องกระจ่างใสให้ในจุดนี้

Hya มีมาสองตัว อยู่ลำดับท้ายๆแล้ว ใส่มาเพื่อดึงความชุ่มชื้นลงผิวเพื่อให้เป็น all in one มากกว่านะ

ไม่มีน้ำหอม ไม่มี essential oil

ส่วนตัวที่เราใช้แล้ว รู้สึกว่าเนื้อสัมผัสเป็น light cream ที่เกลี่ยปุ้บจะแตกตัวเป็นน้ำ เย็นผิวเลย ไม่ค่อย buttery อย่างที่คิด

มีกลิ่นส่วนผสมไม่แรงมาก ต้องตั้งใจดมหน่อย กลิ่นเป็นแนวๆ buttery เฝื่อนนิดๆ ส่วนตัวใช้แล้วกลิ่นไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ

หลังจากเซ็ตตัวแล้วจะไม่วาวมาก จับดูจะยังรู้สึกว่ามีอะไรคลุมผิวอยู่

ต้องบอกตามตรงว่าเนื้อนี้เราแนะนำสำหรับผิวมันในช่วงกลางวันและกลางคืนเลย เนื้อเบาสบายทาแล้วซึมวืบๆไปเลย

ส่วนตัวเรามีผิวแห้ง ขาดน้ำ rosacea eczema มีความรู้สึกว่าเนื้อเบาไปหน่อยสำหรับผิวแห้ง ตอนกลางคืนเราชอบตัว night cream มากกว่า (เราชอบโบกหนาๆ)

ซึ่ง night cream เนื้อสัมผัสจะอีกแบบเลยคือมีความ buttery กว่า กลิ่นเหมือนกัน แตกตัวเป็นน้ำเหมือนกัน แค่มีความปิดผิวเพิ่มขึ้นเท่านึง ฟินนิชจะมีอะไรคลุมผิวอยู่มากกว่าหน่อย แต่สัมผัสโดยรวมก็ยังถือว่าเบาอยู่ เหมาะกับใช้เป็นตอนกลางคืน

ที่เราใช้คือกลางวันจะ night+day ส่วนกลางคืนจะ night ล้วนและโบกเลย

ซึ่งถือว่าเป็นเนื้อที่เหมาะกับอากาศไทยนะ ยังคงปิดผิวได้ดีอยู่ในช่วงหน้าร้อน (ยิ่งอากาศร้อน น้ำในผิวยิ่งระเหยง่าย ร่างกายสูญเสียน้ำง่าย)

เราแอบบอกว่าจริงๆเรามีไปทำเลเซอร์มา ใช้ตัวนี้ไปก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ (เราใช้หลังเลือดหยุด 2-3 วันหลังทำ) ถือว่าทำสูตรมาได้ดี

เรื่องความแดงของผิว ตรงนี้เราขอให้เครดิตกับตัวให้ความชุ่มชื้นและปิดผิวนะ ทายังไงก็ดีกว่าไม่ทาอยู่แล้ว

แต่ที่สำคัญคือโอกาสระคายเคืองต่ำ เหมาะกับผิวที่มีปัญหามากๆ แล้วหายแล้ว แต่อยากได้อะไรเมนเทนไปเรื่อยๆ อยู่ในเฟสคงที่ แต่ไม่พัฒนา

ตัวนี้เรารู้สึกว่าเป็นตัวเริ่มต้นในการพัฒนาผิวที่ดีสำหรับผิวมีปัญหาเยอะเลยล่ะ

อีกเรื่องนึงคือตัวนี้เปิดใช้แล้วอยู่ได้ 3เดือน เราแอบรู้สึกว่าเร็วไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาเพราะปริมาณเท่านี้ยังไงเราก็ใช้หมดทันอยู่แล้ว