ตามติดหนุ่มหล่อตัว top จากยุค 2000s: ตอนนี้พวกเค้ากำลังทำอะไรอยู่?

30 13
ความนิยมต่อ Y2K  Aesthetic ที่ยังพุ่งแรงในหมู่คนรุ่นใหม่นั้นทำให้เราดื่มด่ำกับความทรงจำในวัยหนุ่มสาว (ที่น้องๆ  Gen Z หลายคนอาจจะเกิดไม่ทัน)  หนึ่งในความตรึงตราใจคือปรากฏการณ์ความโด่งดังของบันเทิงใต้หวันทำให้วัฒนธรรมติ่งได้แสดงแสนยานุภาพไปทั่วเอเชีย    ตลอดช่วงเวลาหลายปีก่อนที่ K Pop จะเข้ามาแทนที่เพื่อสร้างรากฐานความนิยมอันแข็งแกร่ง   ศิลปินดาราหนุ่มไต้หวันหลายคนถูกยกให้เป็นรักแรกในดวงใจของติ่งยุคบุกเบิก ย้อนนึกถึง moment นั้นเมื่อใดก็อดยิ้มไม่ได้  ในปัจจุบันที่หนุ่มหล่อเหล่านั้นเข้าสู่วัยสี่สิบ  พวกเค้ากำลังจะทำอะไรกันอยู่นะ?


F4


อุตสาหกรรมหนังฮ่องกงที่ครองความนิยมยืนหนึ่งในบ้านเราในได้ส่งไม้ต่อให้กับวงการไต้หวันราวๆยี่สิบกว่าปีก่อน   แม้ว่าก่อนหน้านั้น  แฟนๆชาวไทยจะคุ้นเคยกับสี่นักร้องจตุรเทพแห่งไต้หวันอย่างหลิน จื้ออิ่ง,ทาเกชิ คะเนชิโร, ซู โหย่วเผิง และอู๋ ฉีหลงกันอยู่แล้ว  แต่ถ้าพูดถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้ศิลปินจากไต้หวันเข้าสู่ความ mainstream อย่างเต็มตัว  ย่อมหนีไม่พ้นสี่หนุ่ม F4    พวกเค้าทำให้ผู้คนมากมายเข้าถึงจิตวิญญาณความติ่ง (แม้ยุคนั้นจะยังไม่มีการบัญญัติศัพท์เฉพาะเจาะจง)  สร้างปรากฏการณ์ความโด่งดังร้องเพลงตามกันได้ไปทั่วบ้านทั่วเมือง จนถึงตอนนี้บางคนอาจจะยังร้องเพลงดังท่อนฮุคได้ด้วยซ้ำ  เป็นช่วงหนึ่งของเวลาวัยหวานที่ยากจะลืมเลือน!

การประกาศโพรเจคท์ 'รักใสใสหัวใจ 4 ดวง' อาจจะทำให้ผู้คนรู้สึกไม่แน่ใจ   ไต้หวันสร้าง Live Action จากมังงะดังจากญี่ปุ่น?   มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ได้ยินกันบ่อยนัก  ยังจำได้ว่า    มีกระแสฮือฮาจากการโพรโมทว่า casting หนุ่มนักแสดงหน้าใหม่ที่มีส่วนสูง 180 cm ทุกคนตาม character เวอร์ชั่นการ์ตูน   แต่ภาพที่ถูกปล่อยออกมานั้นยังดูห่างจาก F4 ที่แฟนการ์ตูนน่าจะจินตนาการกันไว้   มีเสียงว่าคุณชายเต้าหมิงซื่อ(โดเมียวจิ)ดูเป็นผู้ใหญ่เกินไปที่จะรับบทวัยเรียน (ทั้งๆที่ปรับเปลี่ยนเรื่องราวให้เป็นวัยมหาลัย ไม่ใช่มัธยมเหมือนต้นฉบับ)  ส่วนสมาชิก F4 คนอื่นก็ยังไม่มีออร่าเจิดจ้านัก   ส่วนซันไช่ (ซึคุชิ) ก็ถูกปรามาสไว้ตั้งแต่ต้นว่าสวยไม่พอ    แต่เมื่อสถานีโทรทัศน์บ้านเรานำมาลงจอ กระแสตอบรับกลับล้นหลามซะจนต้องเพิ่มเวลาฉาย  ซีรีส์อวสานก็รีรันโกยความนิยมต่อได้อีก   ความ fever ที่แพร่ระบาดไปทั่วเอเชียทำให้สี่หนุ่มเปิดตัวในฐานะไอดอลเดินสายโพรโมทผลงานไปหลายประเทศ  ผงาดขึ้นมาเบียดแย่งชิงความนิยมจาก boyband แดนตะวันตกได้อย่างเต็มภาคภูมิ  ตั๋วคอนเสิร์ตราคาหลายพันบาท (ในยุคนั้นย่อมถือว่าแพงสุดๆ)     พวกเค้าคือ topic ที่เหล่าสาวน้อยสาวใญ่จับกลุ่มเม้ามอย พวกเธอเพ้อฝันถึงเมนจนรูปหัวใจแทบจะโบยบินออกจากนัยน์ตา นอกจากจะฝึกร้องเพลงภาษา เลิกเรียนจะต้องชักชวนกันไปช็อปของที่ระลึก F4  ฝึกร้องเพลง Meteor Rain ภาษาแมนดารินจนคล่องแคล่ว  บางคนถึงกับแปลเนื้อร้องมาแต่งเป็นกลอนเพราะพริ้งด้วยซ้ำ (ผ่านไปหลายต่อหลายปีเราจึงมาค้นพบทีหลังว่า  นี่คือcover ของ Gaining Through Losing ผลงานของ  Ken Hirai ศิลปิน R&B  ตัวพ่อแห่งญี่ปุ่น!)

เราเคยได้ยินเสียงถามไถ่ให้เปรียบเทียบความโด่งดังของ F4 กับไอดอลเกาหลีระดับ superstar ในยุคนี้ว่าสูสีกันหรือไม่? แต่บรรยากาศในยุคก่อนนั้นย่อมแตกต่างไป สี่หนุ่มไต้หวันพบกับความสำเร็จถล่มทลายที่เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน ถึงจะไม่ได้อินกับซีรีส์และไอดอลไต้หวันก็ต้องรู้จักและได้ยินเพลงกันเอียนกันไปข้าง ความนิยมในระดับนี้ไม่ได้พบเห็นกันได้ง่ายๆ และทำให้ดาราศิลปินชาตินี้ตบเท้าเข้ามากอบโกยความสำเร็จทั่วเอชียนในเวลาต่อมา
 
Where are they now?


Jerry -  ต่อยอดความสำเร็จจนกลายมาเป็นพระเอก A List แห่งไต้หวัน  รวมผลงานในแผ่นดินใหญ่ก็กระแสดี  มีภาพลักษณ์หนุ่มแซ่บวัยสี่สิบที่ทำให้สาวๆหวั่นไหว
Vic -   ประสบความสำเร็จในวงการแสดงเช่นเดียวกัน และยังข้ามไปรับบทนำคู่กับนางเอก superstar ที่แผ่นดินใหญ่จนคว้ารางวัลมาแล้ว
 Vanness - มีผลงานโดดเด่นทั้งในไต้หวันและแผ่นดินใหญ่ รวมถึงหนังฟอร์มยักษ์อย่าง Ip Man 4 
Ken -  เคยมีผลงานชุกทั้งการแสดงและร้องเพลง แต่มีปัญหาสุขภาพจนทำให้งานลดน้อยถอยลงจนเขายอมรับตรงๆว่า ประสบความสำเร็จน้อยที่สุดในวง  ผันตัวมาเป็น  Youtuber

 Jerry  Yan

Age: 46

แฟชั่นฉูดฉาดบาดตาและทรงผมหัวสับปะรดเป็นเอกลักษณ์ของเต้าหมิงซื่อปี 2001 อาจจะทำให้เด็ก  Gen Z  รู้สึกข้องใจอยู่บ้างว่า  เขากลายมาเป็นไอดอลระดับแถวหน้าของเอเชียและก้าวสู่ทำเนียบ  A List  ได้เช่นไร !    ย้ำเลยว่า สร้างรักใสใสฯ มากี่เวอร์ชั่นก็ไม่ลือลั่นเท่ากับ  Taiwanese  2001!    แรกๆพระเอกถูกจิกกัดว่าดูสูงวัยบ้าง นางเอกไม่สวยจนผู้ชายต้องแย่งชิงกันบ้าง  แต่แค่ดูไม่กี่ตอนก็ติดหนึบกันไปทั่ว   หัวสับปะรดแล้วไง?    hot  แบบฉุดไม่อยู่  แม้แฟนๆของ F4 จะมีถกเถียงกันบ้างว่า เมนใครเริ่ดที่สุด  แต่เพราะเป็นพระเอก   แน่นอนว่า  Jerry ย่อมดึงดูดความสนใจมากมาย    เขาเป็นพี่ใหญ่ของวง  (อายุมากกว่า Vic 5 ปี)   ตอนที่แจ้งเกิดก็อายุก็ย่างเข้าเบญจเพศไปแล้ว  ภาพลักษณ์จึงดูเป็นผู้ใหญ่ร้อนแรง   หลังจากรักใสใสฯอวสาน   ชื่อเสียงในวงการบันเทิงก็รุ่งโรจน์ไม่แผ่ว

ที่สำคัญ  ความหล่อเหลาที่คงกระพันมาเกินกว่าสองทศวรรษได้ทำให้แฟนๆหวั่นไหว  ไม่ใช่มีแต่ Gen Y  ที่ปลื้ม  Jerry  แต่คนรุ่นต่อมาก็ยังหวีดไม่แพ้กัน   มีภาพปรากฏออกมาบ่อยครั้งว่า แฟนๆของเขามีหลายหลุ่ม ทั้งผู้ใหญ่และสาววัยเอ๊าะ      ที่สำคัญอดีตที่เป็นหนุ่มสู้ชีวิตทุ่มเททำงานใช้แรงงานเพื่อเลี้ยงตัวเองและใฝ่ดีจนประสบความสำเร็จนั้นยิ่งทำให้แฟนๆนิยมชมชอบ  เขาเป็นหนึ่งใน superstar ไต้หวันที่มีชื่อเสียงโดดเด่นเรื่องงานการกุศล    หากเป็นเรื่องส่วนตัว แตกต่างจากเพื่อนในวง เขายังไม่ได้ลงหลักปักฐานด้วยการแต่งงาน แม้จะมีรายงานว่ามีความสัมพันธ์แบบรักๆเลิกๆกับนางเอกดังมานานหลายปี   แต่ลงท้าย เธอก็แต่งงานกับบอยแบนด์วง Exile จากญี่ปุ่นไปแล้ว


ในวัย 46  Jerry  กลายเป็นหนุ่มผู้มีเสน่ห์เร้าใจแบบ daddy  เมื่อเขาประชันบทบาทกับนางเอกอายุน้อยกว่าก็ทำให้แฟนๆแทบน้ำลายไหลอยากถอดวิญญาณไปสิงร่างนางเอกเพื่อจิ้มกล้ามอกใน love scene บ้าง  ผลงาล่าสุดคือ The Forbidden Flower กำลังสร้างเสียงความฮือฮากันเลยล่ะ จิ้มไปลองลิ้มความแซ่บของ daddy ที่ WeTv สิจ๊ะ 

หล่อคงกระพันขนาดไหน  ก็ในระดับที่เกือบยี่สิบต่อมาหลังจากแจ้งเกิดในวงการก็ได้จับคู่แสดงซีรีส์หวานกับเสิ่นเยว่  นางเอกรักใสใสฯ remake ในปี 2018   เธออ่อนกว่าเต้าหมิงซื่อต้นฉบับถึง 21 ปี!  ตอนที่  F4 สร้างปรากฏการณ์ความคลั่งไคล้เป็นครั้งแรก  เธอยังเป็นเด็กน้อยวัยสี่ขวบเท่านั้น!


Vic Chou/ โจวอวี๋หมิน 

Age 41


ในขณะที่  Jerry โด่งดังด้วยภาพลักษณ์หนุ่มร้อน   Vic  หรือที่เรียกกันติดปากว่าไจ่ไจ๋กวาดความนิยมจากแฟนๆด้วยเสน่ห์หนุ่มหน้าหวานที่ชวนเอ็นดู   แม้จะรู้ตั้งแต่ต้นว่า เขาคือพระรองที่ยังไงก็ไม่ได้ลงเอยกับนางเอก  แต่ติ่งก็ถวายใจให้หมด เพียงเห็นรอยยิ้มของเขาก็ฟินแล้ว    หลังจากที่รักใสใสฯอำลาจอทั้งสองภาค   Vic ก็ได้เป็นพระเอกเต็มตัวจาก เจ้าชายยาจกและ Mars   ซีรีส์ที่สร้างจากมังงะแดนอาทิตย์อุทัย (ความสำเร็จถล่มทลายของรักใสใสฯ ทำให้  studio ผลิตละคร Live Action  ตามมารัวๆ แล้วค่อยๆแผ่วลงไปเมื่อกระแส Hallyu เข้ามาแทนที่)   

ภาพของพระเอกมาดเข้มอาจจะดูห่างไกลจากความหล่อใสของน้องเล็กของ F4 ในอดีต เขาก้าวออกจากภาพลักษณ์ไอดอลด้วยการรับบทดราม่าหนักหน่วงจนได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจาก Golden Bell Awards ปี 2009 (การประกาศรางวัลทรงเกียรติที่หน่วยงานจากกระทรวงวัฒนธรรมจัดขึ้น) แล้วมาคว้ารางวัลในปี 2013 จาก Home ด้วยบทบาทแพทย์ทหารเชลยสงครามที่หนีรอดจากความโหดร้ายของการเข่นฆ่าเพื่อคืนสู่สู่มาตุภูมิ หากเปรียบกับบทคุณชายฮัวเจ๋อ เล่ยที่ทำให้แจ้งเกิดในวงการ นี่คือพัฒนาการที่มาได้ไกลจริงๆ

 

ตั้งแต่เป็นนักแสดงขวัญใจวัยรุ่น Vic ก็ต้องรับมือกับแรงกดดันของสื่อ โดยเฉพาะเมื่อเปิดตัวความสัมพันธ์ระดับ high profile กับต้าเอส (นางเอกรักใสใสฯและ Mars) แม้จะเลิกรากันไปและ move on ไปอย่างเด็ดขาด ทั้งคู่ก็มักถูกสื่อบีบให้เผยความคิดเห็นต่อเรื่องราวในชีวิตของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะมีคนรักใหม่ ได้รับรางวัลการแสดง แต่งงาน หรือมีลูก ก็ต้องตามเค้นคำตอบจากพวกเค้าจนอึดอัด





เขาแต่งงานกับนักแสดงสาว Reen Yu ในปี 2015 และมีลูกสาววัยหกขวบ แต่คุณพ่อได้เปิดเผยขำๆว่า น้องไม่ได้อินกับเพลง F4 แม้แต่น้อย แต่ปลาบปลื้มกับวง K Pop ชื่อดังอย่าง BLACKPINK ถึงจะพยายามเปิด MV ดังของ F4 ให้ลูกชมเผื่อจะรู้สึกตื่นเต้นที่เห็นพ่อในลุคของไอดอล แต่ลูกกลับเรียกร้องขอดูศิลปิน K Pop แทน

หากถามเรื่องความคลั่งของแฟนๆก็อาจจะไม่ hardcore เหมือนกับสมัยยังเป็น boy band แต่บอกเลยว่า แม้ Vic จะแต่งงานไปแล้ว แต่ตัวภรรยาก็ยังได้รับผลกระทบจาก cyberbully ฝีมือกลุ่มแฟนที่แค้นฝังหุ่นเพราะรับไม่ได้ที่เธอได้อยู่เคียงข้างสร้างครอบครัวกับพระเอกหนุ่มหล่อในดวงใจ ทำให้เธอตัดสินใจใช้กฎหมายเอาผิดผู้โพสต์ข้อความที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและใส่ร้ายป้ายสีจนกระทบกระเทือนจิตใจอย่างแรง

หนุ่มน่ารักที่ทำให้ติ่งใจละลายเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนได้กลายมาเป็นคุณพ่อหล่อเข้มวัย 41 ออร่าอาจจะแตกต่างจากสมัยยังเป็นไอดอลเป็นธรรมดา กระทั่งลูกสาวก็ยังดูไม่ออกว่า หนุ่มหน้าใสผมยาวในภาพเป็นคนเดียวกับคุณพ่อ แต่เสน่ห์ที่ดูสุขุมลุ่มลึกก็ดูบาดใจไปอีกแบบ


แฟนๆอาจจะยังไม่เห็นผลงานใหม่ของ Vic นับจากซีรีส์ในปี 2021 และเขายังใช้ชีวิตแบบ low profile ไม่ได้ขยันออก variety show หรือนำเสนอ online content เหมือนกับนักแสดงดังคนอื่นๆ จนดูเหมือนจะเงียบหายไป  แต่เขาได้โคจรกลับมาประชันบทบาทกับ  Ariel Lin ในผลงานของโดยราชินีกำกับศิลป์และมีผู้กำกับชั้นครูที่เคยได้รางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ในต่างประเทศเป็นโพรดิวเซอร์ มีกำหนดฉายในไต้หวันและแผ่นดินใหญ่ในปีนี้


Joe Cheng/เจิ้ง หยวนช่าง 


Age 40


กระแสซีรีส์ไต้หวันที่ดัดแปลงจากมังงะยังแรงไม่ตก ที่จริงแล้วในปี 1996 ญี่ปุ่นเคยสร้างซีรีส์ Itazura na Kiss หรือชื่อที่หลายคนคุ้นเคยว่า แกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก การ์ตูนที่มีพระเอกสายเย็นชาในตำนานนั่นเอง แต่ซีรีส์เวอร์ชั่นไต้หวันในปี 2005 ได้กลายมาเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จใหญ่โตไปหลายประเทศ และแน่นอนว่า มันได้เปิดทางให้ เจิ้ง หยวนช่าง ผู้รับบทหนุ่มอัจฉริยะสุด perfect ที่คอยปั่นหัวนางเอกสุดโก๊ะก้าวสู่เส้นทาง top star


รูปร่างสูงใหญ่ถึง 188 cm  และความหล่อเหลาลุคคุณชายของเจิ้ง  หยวนช่างทำให้ผู้ชมซีรีส์ต้องหวั่นไหว  เขามีริมฝีปากบางที่มุมยกขึ้นเหมือนกับกำลังอมยิ้มตลอดเวลา และนำเทรนด์ทรงผมตามสมัยนิยม (เปลี่ยนทรงทุกเรื่อง)   ปีนี้เขาขึ้นหลักสี่เต็มตัว ดูมีเสน่ห์ภูมิฐานมากขึ้นจนเกือบจำไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกันกับพระเอกหนุ่มทรงผมซอยรากไทรในอดีต


ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จมากมายในแง่ของคู่จิ้น ด้วยเคมีที่ล้นเหลือของเจิ้ง หยวนช่างและหลิน อีเฉิน (Ariel Lin) ทำให้บ้านแฟนคลับเชียร์ให้พวกเค้าเปิดตัวความรักนอกจอ ทั้งสองสนองตอบกระแสเรียกร้องด้วยการออกอีเวนท์คู่กันรัวๆ รวมถึงให้สัมภาษณ์แสดงความรู้สึกดีๆต่อกันจนแฟนๆ รู้สึกหวานในใจตามไปด้วย  

ปัจจุบันทั้งสองได้รักษามิตรภาพไว้ได้อย่างเหนียวแน่น พระเอกดังเผยว่า เธอเป็นเหมือนกับสมาชิกครอบครัวของเขา และตอนที่กลับมาถ่าย reality show ด้วยกันสิบกว่าปีหลังจากแจ้งเกิดจากซีรีส์แกล้งจุ๊บฯ หลิน อีเฉินก็ยังเปรียบเปรยว่า พวกเค้ามีความสัมพันธ์เหมือนกับสามีภรรยาสูงอายุ    วันดีคืนดีก็กลับมาถ่าย  vlog ให้แฟนพันธุ์แท้ได้ชื่นใจ     แม้จะเคยมีข่าวว่าแอบคบกันมาก่อน  แต่แฟนๆจิ้นกันยังไงพวกเค้าก็ friendzone กันจนขึ้นหลักสี่แล้ว!  (ฝ่ายหญิงมีครอบครัวและให้กำเนิดลูกน้อยแล้วนะคะ)
เพราะวัยที่เปลี่ยนแปลงทำให้คนที่ติดภาพของหนุ่มแก้มอิ่มขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้นรู้สึกไม่ชิน  และเกิดเป็นข่าวลือว่าเขาทำศัลฺยกรรมความงาม  แต่ต้นสังกัดก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง   เราตะแคงมองภาพจากมุมเดียวกันก็คิดว่า รอยยิ้มเหมือนเดิมเป๊ะและเกือบทุกอย่างยังมีเค้าโครงเดิม เพียงแต่ใบหน้าของเขาตอบลงจนมีสันมีคมตามวัยเท่านั้น



Wu Chun/อู๋จุน 

Age 43


อดีตไอดอลหนุ่มคนนี้เคยตกเป็นข่าวใหญ่โต หลังจากเขาสร้างชื่อเสียงจนทำให้ติ่งคลั่งไคล้มาหลายปีก็ตัดสินใจประกาศชัดๆว่า  แต่งงานอยู่กินกับภรรยามาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ เธอเป็นทั้งรักแรกในดวงใจที่คบหากันมาตั้งแต่ยังอยู่ในวัยทีนจนกลายมาเป็นแม่ของลูก และเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่เบื้องหลังความโด่งดังของสามีไอดอลอย่างเงียบเชียบ    แม้ว่าสื่อจะตามจับผิดและนำเสนอข่าวมาก่อนแล้วว่า อู๋จุนน่าจะมีความสัมพันธ์กับสาวนอกวงการ  แต่ต้องปกปิดไว้เพราะไม่ต้องการให้ครอบครัวถูกคุกคาม  และถือว่าเป็นเรื่องที่คนวงในรู้กันดี     ส่วนแฟนๆที่เข้าใจก็แสดงความยินดีกับเขาอย่างถ้วนหน้า เพราะในที่สุดก็ได้ใช้ชีวิตตามปกติสักที

อู๋จุนเป็นอดีตสมาชิกวง ฟาหลุนไห่ หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Fahrenheit ตาหวานที่หน้าใสจนผู้หญิงยังต้องอิจฉาทำให้เขากลายเป็น member ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งในตอนนั้น เรื่อง fashion style ของไอดอลไต้หวันจะดูคล้ายคลึงกับฝั่งเกาหลีไม่น้อยเลย แต่ก็สามารถเบียดการแข่งขันสูงลิบลิ่วเข้ามาครองใจแฟนๆต่างชาติได้ ภายนอกอาจจะดูหน้าใสกิ๊งแต่จริงๆเป็นพี่ใหญ่ของวง และยังมี background ที่แตกต่างจากเพื่อนๆเพราะเป็นคนบรูไนเชื้อสายจีน ไม่ได้เกิดที่ไต้หวันเหมือนคนอื่นๆ และยังดูเป็นคุณชายเต็มตัวเพราะมาจากตระกูลนักธุรกิจร่ำรวย ไม่น่าแปลกใจว่าจะเป็นหนุ่มโพรไฟล์เริ่ดในสายตาแฟนๆ ทั้งการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียหรือจะเป็นความสามารถทางการกีฬาที่เคยนักบาสเกตบอลทีมชาติบรูไน ระหว่างที่ทำงานในวงการบันเทิง ก็ยังมีตำแหน่งผู้บริการธุรกิจของครอบครัวที่ขยายสาขาไปต่างประเทศ


 เรียกว่าหล่อบาดใจแล้วยัง perfect  ราวกับตัวละครในนิยาย!
ตามสูตรสำเร็จของไอดอลไต้หวันยุคนั้น อู๋จุนแจ้งเกิดจากการแสดงในซีรีส์ที่สร้างจากมังงะญี่ปุ่นไปพร้อมกับบทบาท boy band  ผลงานโดดเด่นที่ทำให้แฟนๆจดจำได้คือ ปิ๊งรักสลับขั้ว  rom-com  ที่อาจจะมีพล็อทสาวใสปลอมตัวเป็นชายมาใช้ชีวิตในโรงเรียนชายล้วนที่ฟังดูจำเจแต่กระแสตอบรับดี  ยังจดจำเสียงวิจารณ์ได้ว่า เรื่องนี้นางเอกหล่อสมจริงและพระเอกหน้าสวยเกินเบอร์ แต่เคมีเข้ากัน น่ารักซะจนกวาดเรตติ้งสูง ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายในหลายประเทศ  ความสำเร็จจากละครเปรียบเหมือน booster ที่ช่วยให้ผลงานดนตรีของ Fahrenheit โด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็วจนถูกมองว่า เป็นผู้สืบทอดความสำเร็จต่อจาก F4 ทั้งยังผนึกกำลังกับ S.H.E  girl band คู่ขวัญก็ยิ่งรุ่ง    แต่ในขณะที่แฟนๆอาจจะจิ้นอู๋จุนกับคนดังร่วมวงการ ก็มีข่าวตามมาว่า เขามีครอบครัวแอบซ่อนไว้

หลังลาออกจาก Fahrenheit ไปได้สองปี อู๋จุนก็ยอมรับเรื่องข้อสงสัยของสื่อและแฟนๆที่ถกเถียงอย่างแพร่หลายว่าเขามีลูกเมียไว้ลับๆจริงหรือไม่ ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องสุดช็อค เพราะมีการตั้งข้อสังเกตและหลักฐานบางไว้บ้างแล้ว แต่สิ่งที่ชวนอึ้งคือเรื่อง Timeline ความสัมพันธ์ เพราะภรรยาของเขาคือรักแรกและรักเดียวมาตั้งแต่ยังเป็นวัยใส  ฟังเหมือนกับละคร romance เลยล่ะ




 เขามั่นคงกับเธอคนนี้จนตัดสินใจแต่งงานตั้งแต่ปี 2004 ก่อนที่จะเดบิวท์ซะอีก! แม้จะฟังดูรวดเร็วมาก แต่ที่จริงอู๋จุนเกิดปี 1979  รูปลักษณ์ภายนอกอาจดูหน้าใสเหมือนกับหนุ่มวัยมัธยม แต่ตอนที่เข้าวงการบันเทิงไต้หวันก็เรียนจบมหาวิทยาลัยไปเรียบร้อย   อู๋จุนสละโสดเมื่ออายุ 25 ซึ่งถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว  แต่เมื่อตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงไต้หวันก็ต้องปิดบังเรื่องส่วนตัวไว้อย่างมิดชิด ปัจจุบัน อู๋จุนที่เป็นทั้งนักธุรกิจและยังมีผลงานการแสดง+variety show ดูแปลกตาไป เขากลายเป็นคุณพ่อหุ่นแซ่บกล้ามแน่นไปแล้ว!


อู๋จุนแชร์ภาพครอบครัวสม่ำเสมอ ไม่แปลกใจที่ชาวเน็ทต่างแสดงความรู้สึกอิจฉาภรรยาของเขา เพราะพวกเค้าได้รักษาความสัมพันธ์มั่นคงมาถึง 27 ปี เมื่อได้ชมภาพอัพเดทว่า ลูกๆของอู๋จุนโตถึงขนาดไหน ก็ทำให้ตะลึงไปเลย! หนุ่มหน้าใสกิ๊งในยุค 2000s มีลูกโตเป็นวัยรุ่นเหรอเนี่ย? แล้วยังถอดพิมพ์หน้าตาดีของคุณพ่อมาเป๊ะๆอีกด้วย





Jay Chou/โจว เจี๋ยหลุน 

Age 44


เขาคือศิลปินที่สร้างเสียงลือลั่นไปทั่วเอเชียคนนี้มีเสน่ห์แตกต่างไปจากหนุ่มๆไอดอล  ด้วยพรสวรรค์ทางดนตรีและแรงดึงดูดใจจากการแสดงบนเวทีทำให้ผู้คนตั้งฉายาให้เขาว่า 'ราชาแห่ง Mandopop'   ไม่เพียงแต่จะสร้างผลงานขายดีหลายสิบล้าน records และกลายมาเป็นผู้ทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมบันเทิง    ความสำเร็จตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษได้ชี้ชัดว่าเขาคู่ควรต่อสถานะ pop icon ตัวจริงของเอเชีย 
ด้วยวัยเพียง 21 ปี  Jay Chou ได้ส่งอัลบั้มแรกในชีวิตมาพิสูจน์ความสามารถในการ compose และ tune อันมีเอกลักษณ์   และผลลัพธ์ของมันคือยอดขาย CD ถึงสองล้านแผ่นเฉพาะในบ้านเกิดเท่านั้น     ความสำเร็จในระดับนี้ย่อมทำให้หลายประเทศแถบเอเชียตื่นเต้นกับดาวรุ่งพุ่งแรง  การผสมผสานซาวด์ดนตรีโบราณกับความเป็นอนาคตที่สอดคล้องกับยุคY2Kได้ท้าทายให้ผู้คนหันมาเปิดใจยอมรับดนตรีที่แตกต่าง   เมื่อรวมกับความคิดสร้างสรรค์ในการแสดงบนเวทีและโชว์ความสามารถในการเล่นดนตรี  ก็ทำให้หลายฝ่ายฟันธงว่า นี่คือศิลปินที่ได้พลิกโฉมหน้าดนตรี Mandapop ไปตลอดกาล  ถึงเวลาจะหมุนเปลี่ยนและไปและมักระแสความนิยม  K Pop เข้ามายึดครองความนิยม  แต่ถึงปัจจุบันนี้  ทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศก็ยังดึงดูดผู้ชมแน่น hall  

Jay Chou ฉีกมารับงานแสดงด้วยการเดบิวท์บทพระเอกหนังฮ่องกง Initial D  และหนังจีนอีกหลายเรื่อง   เขาสามารถไปไกลถึง  Hollywood ด้วยบทนำในหนัง The Green Hornet และเป็นหนึ่งในทีมนักแสดง Now You See Me 2    นอกจากนั้นยังโชว์ฝีมือการกำกับ MV และหนัง  ควบไปกับการทำหน้าที่ประธานสตรีทแบรนด์  Phantaci    


โด่งดังเป็นตัวพ่อมานานขนาดนี้ ในสายตาแฟนๆ Jay Chou ก็ยังมีภาพลักษณ์สวยงามถึงขนาดที่ได้รับใบประกาศเชิดชูพฤติกรรมดีเด่นเป็นแบบอย่าง เขารับหน้าที่เป็นตัวแทนแคมเปญเพื่อสังคมต่างๆ เช่น การต่อต้านการสูบบุหรี่และแพร่ควันพิษให้กับผู้อื่น จุดประกายให้เยาวชนพยายามสร้างความฝันให้เป็นจริง รวมถึงการป้องกันปัญหาโรคซึมเศร้าในวัยรุ่น มีการส่งเสริมให้ใช้เพลงของเขาในหลักสูตรการศึกษาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและทัศนคติด้านบวกให้กับนักเรียน

ความโด่งดังระดับ superstarอาจจะทำให้เขาถูก paparazzi ไล่ล่าติดตามซึ่งขัดแย้งตัวตนที่หวงความเป็นส่วนตัว ในอดีต เขาขึ้นชื่อลือชาเรื่องการหลีกเลี่ยงไม่ให้สื่อรุมสนใจ และเป็นไม้เบื่อไม้เมากับช่างภาพที่ตามถ่ายรูปโดยที่เขาไม่ให้ความสมัครใจถึงขนาดเคยแต่งเพลงด่ามาแล้ว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่าทีที่ดูอ่อนโยนกับ paparazzi ขึ้นมาบ้างก็ทำให้สื่อประหลาดใจ แต่พูดเลยว่า สื่อไต้หวันนั้นเฮี้ยนจริงๆ อยากได้ข่าวมากถึงขนาดยื่นโทรศัพท์ให้เขาดูภาพวัยเด็กของภรรยาแล้วยิงคำถามแบบไม่ไว้หน้าว่า เธอทำศัลฺยกรรมมารึเปล่า! นี่เป็นตัวอย่างเบาๆที่เขาได้เจอมาเท่านั้น





Jay Chou เคยมีข่าวเดทกับ Jolin Tsai ศิลปินสาวชื่อดังของไต้หวัน และผู้ประกาศข่าว Patty Hou แต่ก็ move on ไปพบรักกับสาวลูกครึ่ง Hannah Quinlivan ซึ่งเมื่อย้อนรอยถึงที่มาว่าพวกเค้าพบกันได้อย่างไร ก็ฟังดูไม่ต่างจากบทละคร เธอทำงานพาร์ทไมท์ในร้านเสื้อผ้าในเครือที่เขาเป็นเจ้าของตอนที่มีอายุได้เพียง 17ปี และสามปีต่อมาก็ได้เริ่มต้นคบหากับ superstarแห่งเอเชียและพัฒนาความสัมพันธ์อย่างจริงจังจนควงคู่สู่พิธีวิวาห์ในเวลาห้าปีต่อมา และกลายมาเป็นคุณพ่อลูกสามในวัย 44 ปี พวกเค้าเพิ่งจะต้อนรับเบบี้คนสุดท้องไปเมื่อปีที่แล้วนี้เอง



หากถามถึงกระแสความนิยมจาก fanbase นอกไต้หวัน เช่น ในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ และมาเลเชียก็ยังสนับสนุนอย่างเหนียวแน่น แม้จะมีปัญหาเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองจนเคยต้องเลื่อนทัวร์คอนเสิร์ตในฮ่องกง แต่ภาพแฟนๆเป็นหมื่นคนที่ร่วมชมการแสดงนั้นได้พิสูจน์ถึง star power ของเขาได้ชัดเจน

หรือถ้าจะให้ชัดขึ้นมาอีก ก็ชมภาพจากปีที่แล้ว Jay Chou ที่เข้าไปที่ร้านไข่มุกในซิดนีย์ (มีรายงานว่ามันคือธุรกิจในครอบครัวของเขา เพราะชื่อแบรนด์ตรงกับชื่อสุนัขสัตว์เลี้ยงของภรรยาสุดที่รัก)  แต่เมื่อมีฝูงชนสังเกตว่านี่คือ King Of Mandopop ก็รุมล้อมถ่ายภาพเขาอย่างตื่นเต้น


The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE