ไปต่อหรือพอแค่นี้? Clarins Skin illution SPF 15 รองพื้นงานผิว บนผิวผสม/รูขุมขนกว้าง

124 49
สวัสดีค่ะสาวๆ ? ป้าอบกลับมาอีกแล้วววว มาดึกๆ ดื่นๆ เพราะหนีจากการเตรียมตัวสอบมา 55+ ช่วงนี้อาจจะหายหน้าหายตาไปบ้างเพราะป้าสุ่มตัวอ่านหนังสืออยู่นะฮ่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า! วันนี้ป้าจะมารีวิวรองพื้นตัวใหม่ ที่ป้าสอยมาลองเร็วๆ นี้
นั่นก็คือออออ

 Clarins Skin Illusion Foundation  SPF 15 

นั่นเอง เอง เอง เอง เอง ??

โดยรองพื้นตัวนี้จะเป็นเนื้อเซรั่ม บางเบา โดยทางแบรนเคลมมาดังนี้
  • ทำให้สีผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสมออย่างเป็นธรรมชาติ
  • มีประกายชิมเมอร์มุกละเอียด จับแสง กระจายแสง ให้ผิวดูสว่างกระจ่างใส
  • อำพรางทุกจุดบกพร่อง บำรุงผิวด้วยออยล์แบบไร้ความมัน เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
หลังจากที่อ่านคำเคลมต่างๆ แล้ว ป้าก็พบว่ารองพื้นอันนี้มันไม่น่าจะเหมาะกับผิวเรา 55+ แต่ก็นะ ด้วยความที่เป็นทาสการตลาด และอยากลอง ประกอบกับได้มาในราคาที่ลดมากกว่าครึ่ง! ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ขอลองหน่อยเถอะ ว่าจะผ่านหรือได้ไปต่อ!

*สภาพผิวของอบ : ผิวผสม รูขุมขนกว้าง มีฝ้าที่โหนกแก้มและช่วงที่ทดลองใช้ยังมีสิวขึ้นมาอีกเพราะไปต่างจังหวัด นอนไม่พอ หน้าแย่มากเว่อร์

***กระทู้นี้อบใส่ภาพที่ค่อนข้างความละเอียดสูงมา เพื่อว่าทุกคนจะได้เห็นงานจริงบนผิวอบ สาวๆ สามารถคลิกขวาบนรูปแล้วจิ้ม view image เพื่อดูภาพ (และรูขุมขน ?) ขนาดใหญ่ได้ เพื่อประกอบการพิจารณานะจ่ะ ❤



เนื้อ : เนื้อค่อนข้างเหลว บางและไหล เกลี่ยง่ายมาก กลืนไปกับผิวได้ดีมากๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ตามสไตล์ Clarins ไม่ฉุน อบลองหลายครั้งก็ไม่ได้แพ้อะไร

สี : เข้าไทยทั้งหมด 8 สี อบได้สี 114 Cappuccino มาลอง ซึ่งแบบเป็นโทนสี Natural ไม่เหลือง ซึ่งเราเป็ยคนผิวเหลืองไงเลยแอบเฟล นิดๆ แถมแอบเข้มว่าผิวอบด้วย เบอร์ 111 Auburn ก็แอบขาวไปอีก ? (**สีนี้แอบเข้มกว่า NC42 นะคะสาวๆ คนไหนจะไปซื้อดูดีๆ ก่อนเด้อ)
เอาละลองกับแขนไปแล้วมาลองกับหน้ากัน จริงๆ อบทดลองใช้อยู่ประมาณอาทิตย์หนึ่ง โดยสลับๆ ใช้กับแป้ง+primer ต่างๆ ที่มีอยู่ แต่วันนี้จะนำมาลงให้ดูกัน 2 วัน คือวันแรกที่อบลองใช้ และวันสุดท้ายที่อบคิดว่าอบหาวิธีใช้น้องเค้าให้ได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุดแล้วกันน้า กลัวจะยาวเกิน 55+

 DAY 1  


อบเลือกใช้เทียบกันระหว่างข้างที่ใช้ primer และไม่ใช้ primer โดย primer ที่อบใช้วันนี้คือตัว Clarins sos primer ซึ่งอบใช้ primer ตัวนี้อยู่แล้วเพื่อช่วยอำพรางรูขุมขน และเซ็ตทั้งสองข้างด้วยแป้ง Urban decay velvetizer (ช่วยคุมมันและพรางรูขุมขนเช่นกัน) อบใช้ฟองน้ำในการลงจ้า
จะเห็นได้ว่าแม้ primer จะช่วยพรางรูขุมขนไปบ้าง แต่เนื่องจากความวาวของเนื้อรองพื้นเอง เค้าเลยดูเหมือนไปเน้นรูขุมขน ? ดูไกลๆ มันก็ดูฉ่ำวาวดีหรอก แต่ถ้าดูใกล้ๆ จะเห็นรูขุมขนเบิกบานเลยจ้า แต่ไม่เป็นไร เราแก้ด้วยแป้งพรางรูขุมขนของเรา
เอาจริงๆ เราชอบฟินิชนะ ฉ่ำสวย ปกปิดได้ประมาณกลางๆ ถ้าผิวเราดี เค้าจะสวยมาก แต่ผิวเรารูขุมขนกว้างไป  ฮรือออ ลงแป้งแล้วโอเค รอด! (ขออภัยสิวเม็ดนั้น น้องจู่ๆ ก็ขึ้นมา 55+)
ผ่านไป 6 ชม กับการออกไปนั่ง bts ขึ้นรถเมลล์ ไปเดินห้าง เดินตามหาร้านนม อากาศ ครึ้มฟ้าครึ๊มฝน ไม่ค่อยมีแดด แต่อบอ้าวเล็กน้อย ถือว่ายังโอเคอยู่ ไม่ได้เยิ้ม เราแอบโดนฝนหน่อยๆ กลับมาเลยต้องซับหน้า เลยลองเติมแป้งดู กลับไปสวยเหมือนเดิม ไม่เป็นคราบ ผ่าน!!!
ผ่านไป 11 ชม ตรงจมูกและรอบๆ จมูกนั้นอาจจะหลุดไปบ้างแล้วเพราะตรงนั้นเค้ามัน แต่ที่อื่นมันยังโอเคเลยนะ ถ้าเทียบกับเนื้อมันไม่น่าจะอยู่รอด บอกเลยประทับใจจจจจ คือใช้ รองพื้น Clarins + ไพรเมอร์ Clarins + แป้ง UD รอดดดดด

มาดูอีกข้างที่ไม่ได้ใช้ไพรเมอร์ แต่อบเซ็ตด้วยแป้งฝุ่นตัวเดียวกันนะ
แน่นอนว่าเห็นรูขุมขนมากกว่า ก็เนื้อเค้าฉ่ำขนาดนี้ จะรอดได้ไง (ไม่เจียมเอง?)
แป้งช่วยชีวิตจริงจังงงง

ด้านที่ไม่ใช้ไพรเมอร์หลังผ่านไปแล้ว 6 ชม. มันกว่าด้านที่ใช้ไพรเมอร์นิดหน่อย ซับหน้าแล้วเติมแป้ง ก็ไม่ได้เป็นคราบแต่อย่างใด กลับไปเนียนเหมือนเดิม เฮ้ยดีต่อใจ!
ด้านที่ไม่ได้ใช้ไพรเมอร์หลังผ่านไป 11 ชม. ถามว่าแย่ไหม ก็ไม่ได้แย่ แต่รองพื้นหลุดออกไปมากกว่าด้านที่มีไพรเมอร์ และแอบมันกว่าหน่อยๆ ไม่มีคราบ หรือตกร่องใดๆ เราให้ผ่านนะ

ต่อไปเป็นการทดสอบวันที่ 2-3-4 ที่อบทำไว้แต่ไม่ได้เอามาลงเด้อ (มันจะยาวเกินและขี้เกียจทำรูปด้วยประเด็น 555+) ถ้าข้องใจขอดูได้ จะเอามาอัพให้ กร้ากกก

 DAY 2  

ทดสอบโดยการใช้ไพรเมอร์ clarins ครึ่งหน้า และไม่ set แป้งใดๆ อย่าให้ said เลย วันนั้นทั้งวันเยิ้มมมมมมมม ? ผิวผสม/ผิวมันอย่าลองแบบเค้านะ

 DAY 3  

ทดสอบโดยการใช้ไพรเมอร์ clarins ทั้งหน้า ด้านหนึ่ง set ด้วยแป้ง LM อีกด้าน set ด้วยแป้ง Hourglass
- ด้านแป้ง LM แอบเห็นรูขุมขนมากกว่าตอนใช้แป้ง UD เซ็ต ต้องเติมแป้งระหว่างวันเหมือนกัน แต่ไม่เยิ้ม อยู่ได้ยันเย็น
- ด้านแป้ง Hourglass ไม่ช่วยเบลอรูเลยยยย ? ต้องเติมแป้งระหว่างวัน แถมยังดูหนาๆ ตกเย็นมาแอบตกร่องน้ำหมากเล็กน้อย หน้าแอบมัน ตัวนี้น่าจะเหมาะกับรองพื้นคุมมันมากกว่าเด้อ

 DAY 4  

ทดสอบด้วยการใช้ไพรเมอร์ของ Hourglass ครึ่งหน้า และ ไพรเมอร์ smash box ครึ่งหน้า ฝั่ง Hourglass ตบด้วยแป้งฝุ่น Hourglass อีกด้านใช้แป้ง THREE รุ่น Translucent
- ฝั่งไพรเมอร์ Hourglass + แป้ง Hourglass ให้ฟินิชที่แมทขึ้น รูขุมขนไม่เบิกบานเหมือนวันที่ 3 แต่ก็ไม่ได้เนียนเท่าตอนใช้แป้ง UD ต้องเติมแป้งระหว่างวันอยู่ดี ยังแอบมีตกร่องน้ำหมากตอนเย็น
- ฝั่งไพรเมอร์ smashbox + แป้ง THREE รูขุมขนดูเบลอกว่าฝั่ง Hourglass แอบชอบแป้ง Three ที่ทำให้ดูเป็นผิวมากกว่า ยังต้องเติมระหว่างวันอยู่ แต่ตอนเย็นมันน้อยกว่าฝั่ง Hourglass และไม่ตกร้อง

 DAY 5  

ทดสอบโดยใช้การผสมรองพิ้น Clarins กับ Nami ฺBB ซองดำ อบชอบผสมรองพื้นใดๆ ที่ฉ่ำเกิน หรือเข้มเกินกับตัวนี้ เพื่อทำให้รองพื้นสีสว่างเข้ากับผิวมากขึ้นและช่วยให้รองพิ้นคุมมันมากขึ้น ฝั่งหนึ่งใช้ไพร์เมอร์ Clarins + แป้ง UD อีกฝั่งใช้ไพรเมอร์ smashbox + แป้ง THREE และวันนี้นี่เองที่เราค้นหาวิธีใช้รองพื้นตัวนี้สำเร็จ!!!
จากรูปจะเห็นได้ว่า ไพรเมอร์ smashbox นั้นสามารถพรางรูขุมขนได้ดีกว่า ไรเมอร์ clarins พอตบแป้งไปแล้ว ฝั่ง smashbox+แป้ง THREE นั้นดูเนียนกว่า แต่ฝั่งไพรเมอร์ Clarins + แป้ง UD ก็ดูเป็นผิวกว่าเช่นกัน
ผ่านไป 6 ชม ฝั่ง ไพร์เมอร์ smashbox+ แป้ง THREE มีความมันและรูขุมขนเริ่มโผล่ เลยจัดการซับด้วยทิชชู่เบาๆ แต่ไม่ได้เติมแป้งเพิ่ม ตกเย็นมาผิวยังดูโอเค แต่แอบเป็นรอยกรอบแว่นตารอบขอบตาเพราะเราใส่แว่นนั่นเอง ?
ผ่านไป 6 ชม. ฝั่งไพรเมอร์ Clarins + แป้ง UD ไม่ได้มันจนคิดว่าต้องเติมแป้ง เลยปล่อยยาวไป 11 ชม มาดูอีกทีผิวยังโอเคอยู่ มีหลุดไปตรงจมูกและรอบๆ จมูก มีความมัน แต่อย่าลืมว่าทั้งวันเราไม่ได้ซับหน้าและไมได้เติมแป้งเลย เมื่อเทียบกับที่เนื้อเค้าฉ่ำขนาดนั้น ถือว่าดีเลยละ
สิ่งต่างๆ ที่เราใช้ ไม่ได้ถ่ายแป้งและไรเมอร์ของ Hourglas มาเด้อ

เอาละมาสรุปกัน

ความรู้สึกหลังใช้ - ชอบที่ฟินิช สวย เกลี่ยง่าย เบาหน้ามากเหมือนไม่ได้ลงรองพื้น ปกปิดปานกลาง ปิดฝ้าเราไม่มิด แต่เราใช้คอนซีเลอร์ปิดได้ แต่เนื่องจากผิวเรามันรูขุมขนกว้าง + ผิวผสม เลยต้องวุ่นวายหาอะไรต่อมิอะไรมาช่วยพรางรู+คุมมันเพิ่ม ซึ่งปกติเราก็ต้องทำกับรองพื้นเกือบทุกตัวอยู่แล้ว (ไม่เว้นแม้แต่ esstee duble wear ที่เรายังต้องใช้ไพรเมอร์ช่วยพรางรูขุมขน) เราเลยไม่รู้สึกว่ามันยุ่งยากอะไร ผลการทดลองของเราพบว่าใช้ รองพื้น Clarins + nami bb ซองดำ + ไพรเมอร์ clarins + แป้ง ud บนผิวเราให้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด ยังไม่ได้ลองไพร์เมอร์ smash box แทน ไพรเมอร์ Clarins เพราะมันหมดค่ะ! 555+ แต่คิดว่าไม่น่าให้ผลลัพท์ที่แตกต่างกันมากหนัก ส่วนตัวจะเอาไปลองใช้ที่เนเธอแลนด์ช่วงหน้าหนาว ผลลัพท์ที่ได้น่าจะแตกต่าง

หมาะกับใคร - สาวผิวดี ผิวแห้งไปผิวผสมค่อนข้างแห้ง หรือผิวธรรมดา ที่ไม่มีปัญหารูขุมขน สาวผิวผสมที่ค่อนข้างมันอาจจะต้องใช้ตัวช่วยเยอะหน่อย ส่วนสาวผิวมันเราว่าไม่เหมาะ โดยเฉพาะในอากาศบ้านเราและต้องออกมาเดินถนน ใช้ชีวิต ไม่น่ารอด แต่ถ้าวันๆ อยู่แต่ในห้องแอร์ เปิดแอร์ตลอดเวลาอาจจะรอดก็ได้นะ

คะแนน
เนื้อ 5/5 - เกลี่ยง่ายมากๆ เบา สบายผิวสุด
ความปกปิด - 3/5 ปกปิดกลางๆ ก็เนื้อเค้าเบาๆ บางๆ เนอะ
ฟินิช 4/5 - สวย ขนาดเราไม่ชอบความฉ่ำบนผิวเรา เรายังชอบเลย แอบหักนิดหนึ่งที่ไม่ช่วงพรางรูขุมขนเราเลยยยย
ติดทน 3/5 - ทนกลางๆ
คุมมัน 1/5 - ไม่ค่อยคุมมันเท่าไหร่เลย ต้องใช้ไพรเมอร์+แป้งช่วย

ทิ้งท้าย
ทำไมต้องทดลองหลายครั้งให้มันวุ่นวาย --> เพราะรองพื้นนอกจากจะขึ้นกับผิวหน้าคนใช้แล้ว ยังเกี่ยวกับสภาพอากาศ ของที่ใช้ร่วมกัน และปัจจัยอื่นๆ มากมาย ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้วอยากลองให้หมดจะได้รู้ว่าต้องใช้ยังไง อันไหนใช้คู่กับอันไหนเวิร์คไม่เวิร์คบ้าง ที่อบลองให้ดู เป็นแค่ไกด์ไลน์เผื่อสาวๆ ที่มีผิวประมาณเดียวกันจะได้พอมีคำตอบว่าเค้าจะรอดบนผิวเราไหม รองพื้นตัวนี้อาจจะไม่ได้ดีสำหรับอบ 100% แต่อาจจะดีงามมากสำหรับสาวๆ อีกหลายคน ยังไงก็ลองไปเลือกไปเทศดูก่อน เผื่อจะเข้ากับสภาพผิวของสาวๆ นะจ้า

สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่อ่าน/ผ่านมาถึงตรงนี้ 55+ มีข้อคิดเห็น แนะนำติชมใดๆ ทิ้งไว้ได้เลยจ้า ตอนนี้ป้าขอพักเหนื่อยแป๊บ พิมพ์นาน พิมพ์ยาวเหลือเกิน กร้ากก XOXO


shiki

shiki

ยังทดลองแต่งหน้าไปเรื่อยๆ ค่ะ

FULL PROFILE