เบื้องหลังดราม่าเกาหลี กับ “ท่าไหว้” เจ้าปัญหา : Celebrities Who Were Accused Of Racism

25 9
Benedict and problematic bow gesture

เบเนดิคท์กับการไหว้เจ้าปัญหา
การแสดงท่าทางทักทายของเบเนดิคท์ คัมเบอร์แบทช์ดาราฮอลลีวู้ดที่โด่งดังระดับซุปตาร์ในต่างแดนนั้นกลายเป็นชนวนดราม่าจนทำให้เกิดข้อกล่าวหาว่า เป็นพวกเหมารวม เหยียดเชื้อชาติ
ยามที่คนดังจากต่างประเทศได้เดินทางเข้ามาในเอเชีย  หลายคนอาจคุ้นเคยกับภาพการประนมมือสวัสดีที่เป็นการทักทายที่ดูอ่อนน้อมสวยงามในหลายประเทศ อินเดีย กัมพูชา ไทย  เมื่อเราได้เห็นชาวต่างชาติพูดสวัสดีและยกมือไหว้ตามวัฒนธรรมเมื่อมาเยือนเมืองไทยแล้วก็รู้สึกชื่นชมเอ็นดู


แต่เมื่อเป็นชาติที่ไม่ได้ใช้การไหว้เพื่อทักทายอย่างผู้มีมารยาท  ปฎิกิริยาจากผู้ได้พบเห็นบางกลุ่มอาจจะไม่ได้ชื่นชมยินดีตามไปด้วย  ยิ่งไปกว่านั้น ตัวดาราดังเองยังถูกตราหน้าว่าเป็นพวกแบ่งแยกเชื้อชาติอีกด้วย
นี่คือส่วนหนึ่งของความเห็นโจมตีถึงท่าทางอันไม่เหมาะไม่ควรของ Doctor Strange
"จริงๆ เลยนะ พวกฝรั่งผิวขาวชอบจะนึกเองว่าการไหว้แบบพระเป็นการทักแบบสุภาพ แต่ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวซะบ้างเลย และพิสูจน์ได้ว่าพวกเค้าแทบไม่ได้ศึกษาเรื่องพวกนี้มาก่อน  นี่มันทั้งหยาบคายและเหยียดผิว"
"ทำไมพวกคนตะวันตกบางคนต้องทำแบบนี้ตลอดตอนมาที่เอเชียนะ   มันดูงี่เง่าและเหมารวม  เราไม่ได้ทักทายแบบนี้ซะหน่อย  มีแต่พระในศาสนาพุทธเท่านั้นล่ะที่ไหว้"

"นี่คงไม่ใช่เรื่องของการเหยียดผิวหรอก  แต่สำหรับคนเกาหลีอะนะ เรามีสิทธิ์ไม่ชอบใจได้โอเค้? เรามีเหตุผล เราไม่ไหว้ที่เกาหลี ไม่มีใครทักกันแบบนี้  ไม่ได้ใกล้เคียงกับที่ทำกันตามปกติเลย  แค่โค้งง่ายๆ ก็พอแล้ว นี่ไม่ใช่วัฒนธรรมของเรา  เราแค่หวังว่าเบเนดิคท์จะศึกษามาบ้าง แค่กูเกิ้ลอะ  นี่มันไม่เคารพกันเลยนะ"
"ถ้ามาแล้วทักทายไม่เป็นก็อย่ามา"
แต่ในขณะเดียวกัน netizen บางคนก็ชี้ให้เห็นว่า...จริง ๆ แล้วก็มีคนประนมมือไหว้เพื่อทักทายนะ
ชาวเน็ทบางคนบอกว่านี่เป็นท่าทางการทักทายประจำตัวของ GD และเบยองจุนนี่นา
และเป็นที่น่าสังเกตว่า  จากความเข้าใจในเรื่องการทักทายของชนชาติเกาหลีที่คลาดเคลื่อนนั้น  เบเนดิคท์อาจจะเป็นหนึ่งในดาราฮอลลีวู้ดจำนวนหนึ่งที่บางครั้งบางคราจะทักทายแฟนๆด้วยการยกมือไหว้  ดังเช่นคีอานู รีฟส์ ที่ประกบมือไหว้พร้อมกับพูดขอบคุณแฟนๆ ที่มารอพบระหว่างที่เขาโปรโมทหนัง และนั่นเกิดขึ้นที่ฮอลลีวู้ด ไม่ได้เป็นทริปที่เอเชียค่ะ
คนดังอีกคนที่ทักทายผู้ชมและแฟนๆ ด้วยการประกบมือเหมือนกับการไหว้คือ จอหนนี่ เดปป์ค่ะ  การประนมมือสไตล์ฮอลลีวู้ดนี้ เราคิดว่าเป็นทั้งการทักทายและแสดงความขอบคุณในแรงสนับสนุนของแฟนๆ (express the gratitude)  
ในขณะที่เราเห็นด้วยกับคำกล่าว "เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม" และเรื่องนี้น่าจะสอนใจให้พระเอกชื่อดังได้ศึกษาในเรื่องวัฒนธรรมเบื้องต้นดังเช่นการแสดงท่าทางทักทายให้ถูกต้องเหมาะสม

แต่การไล่ให้นักแสดงหนังจากฮอลลีวู้ดกลับประเทศ หรือดูแคลนว่าการศึกษาสูงแต่ไม่รู้จัก google  ฟังดูเกินไป ในเมื่อคนๆ หนึ่งดูมีความตั้งใจดีที่จะแสดงมารยาทและหยุดทักทายแฟน ๆ ที่มารอรับ  แต่เมื่อเกิดความเข้าใจผิดก็ควรชี้แจงให้เข้าใจอย่างละมุนละม่อม คนที่มาจากต่างวัฒนธรรมอาจจะทำสิ่งที่กระทบใจกันโดยมิได้ตั้งใจ  การให้ความรู้แก่กันด้วยความหวังดีนั้นย่อมเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์กว่าเรื่องราวความขัดแย้ง
จอห์น เคอร์รี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เคยเข้าใจผิดเรื่องการทักทายตามมารยาทของชาวเกาหลีใต้เช่นกัน
Iggy Azalea  แร็พเพอร์สาวที่ถูกกล่าวหาว่าเหยียดผิวบ่อยมากที่สุด
เรื่องแร็พเพอร์หญิงผิวขาวที่มาจากต่างประเทศจะมายึดพื้นที่ชาร์ทเพลงและยอดขายในอเมริกานั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นให้เห็นบ่อยๆ ความสำเร็จถล่มทลายจากเพลง Fancy  ทำให้อิกกี้กลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการฮิปฮอป แต่หลายคนเริ่มสังเกตว่าในช่วงหลังๆ เธอกลับไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเดิม สื่อกอสสิปอาจจะฮือฮาในเรื่องส่วนตัวของสาวออสซี่คนนี้อยู่ แต่ในเรื่องของกระแสตอบรับงานเพลงนั้นแผ่วลงไปจนเห็นได้ชัด และว่ากันว่าข่าวความฉาวเรื่องการเหยียดเผ่าพันธุ์ของเจ้าตัวอาจจะเป็นต้นตอที่ทำให้แฟนๆ ไม่ตอบรับเหมือนแต่ก่อน
อิกกี้เคยแต่งเพลง D.R.U.G.S. ที่มีท่อนแร็พหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า "นายทาส" โอ้โห ก็เข้าใจนะว่ามาจากออสเตรเลีย  แต่เรื่องที่สำคัญขนาดนี้จะชาติไหนก็ต้องระลึกถึงความเจ็บปวดของทาสชาวแอฟริกันรวมถึงลูกหลานที่สืบตระกูลต่อมา พวกเขาถูกปฏิบัติราวกับไม่ใช่มนุษย์ที่เท่าเทียมกัน  ปัจจุบันปัญหาการแบ่งแยกสีผิวก็ยังปรากฏเป็นเงามืดในสังคมอเมริกัน  นัยว่าอิกกี้ตั้งใจใช้คำว่านายทาสผู้หลบหนีมาประชันเพลงของเคนดริค ลามาร์ที่มีคำว่าเขาเป็นทาสผู้หลบหนี แฟนเพลงจำนวนหนึ่งเสียความรู้สึกอย่างแรงเพราะเธอเป็นศิลปินต่างชาติที่รับวัฒนธรรมดนตรีของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันมาสร้างความสำเร็จในวงการดนตรี  แต่กลับใช้คำที่เป็น stigma นี้มาใช้หากิน เมื่อถูกวิพากษ์อย่างรุนแรง อิกกี้ก็ออกมายอมรับว่าสิ่งที่ทำลงไปมันอุบาทว์และไม่ระมัดระวัง  เธอยอมรับผิดทุกอย่างและยืนยันว่าไม่ได้เหยียดผิว

ขนาดไม่ได้เหยียดก็ยังจิกเรื่องรูปลักษณ์-สำเนียงคนเม็กซิกันและวิจารณ์ผู้หญิงเอเชียนแบบไม่ห่วงเรตติ้ง  ก่อนที่จะประกาศขอโทษอีก  แต่คนฟังจะคิดว่าคำขอโทษนั้นมีความจริงใจรึเปล่า? 
หรือจะเป็นทวีทเรื่องเห็นผู้ชายผิวดำถูกจับหน้าร้านไก่ทอดและเล่นมุกว่าช่างกับเข้า stereotype (ของคนผิวดำ) ซะจริง stereotype ที่ว่าก็เรื่องที่คนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันนิยมชมชอบในไก่ทอดหรือการพกซ้อสเผ็ดไว้ในกระเป๋า  คำพูดของเธอจึงเหมือนกับจะส่อเสียดว่าคนผิวดำชอบไก่ทอด Popeyes มากขนาดที่ถูกตำรวจจับหน้าร้านนี้
เธอเคยใช้คำที่ส่อไปทางเหยียดเกย์และ slang ส่อเสียดเลสเบี้ยนจนถูกบีบให้ยกเลิกการแสดงในเกย์ไพรด์  แน่นอนว่าอิกกี้ออกมาขอโทษ  และประกาศว่าเป็นผู้ที่ยึดมั่นในความเท่าเทียมทางเพศและสนับสนุนชาว LGBTIQA เสมอมา  เพียงแต่ว่าในตอนนั้นยังเด็กอยู่  ตัวเธอที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ได้แต่รู้สึกเสียดายคำพูดที่ไม่เหมาะไม่ควร
Steve Harvey
หลังจากที่เราได้ยินเรื่องโจ๊กเกี่ยวกับผู้ชายเอเชียนของสตีฟ ฮาร์วีย์ พิธีกรชื่อดัง มันก็ได้เปลี่ยนมุมมองในตัวเขาอย่างสิ้นเชิง
พิธีกรดังได้นำหนังเรื่องเซลฟ์เฮลพ์ชื่อ "วิธีเดทผู้หญิงผิวขาว คู่มือที่เหมาะสมสำหรับผู้ชายเอเชียน" มาพูดคุยใน talk show ด้วยน้ำเสียงที่ปนมากับเสียงหัวเราะอย่างดูหมิ่นแบบไม่ปกปิด ใช่ค่ะ วัฒนธรรมหนังสือเซลฟ์เฮลพ์นั้นดูสุดโต่งจนสร้างความประหลาดใจว่ามีคนอ่านเรื่องอะไรแบบนี้อยู่ แต่คำพูดต่อมาของฮาร์วีย์นั้นได้หยามหยันบาดความรู้สึกของชาวเอเชียนที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างเท่าเทียม

"โทษทีนะครับ  คุณชอบผู้ชายเอเชียนรึไง  ไม่ล่ะ ขอบคุณ"

" คุณชอบผู้ชายเอเชียนเรอะ ขนาดอาหารจีนผมยังไม่ชอบเลย  ไม่ไหวหรอก  ผมไม่แตะอาหารที่ผมไม่สามารถออกเสียงชื่อมันได้หรอกนะ"

ท่าทางประกอบการดำเนินรายการของเขาดูเหมือนกับว่ามันช่างตลกซะเต็มประดาถ้าผู้ชายเอเชียนต้องการมีความสัมพันธ์กับสาวต่างเชื้อชาติ และตอกย้ำ stereyotype ที่ล้อเลียนชายเอเชียนราวกับเป็นเรื่องปกติ  คุณจะเห็นสารพัดมุกในสื่อหนังทีวีที่พูดถึงขนาดของลับเล็กจิ๋ว เป็นชายที่หญิงเมินหนีและต้องใช้ชีวิตเศร้าสร้อยแบบไร้เพศสัมพันธ์ 
ในตอนแรก แทนที่จะรีบแก้ไขแสดงคำขอโทษที่จริงใจต่อคำพูดล้ำเส้นนี้  เขากลับโอดครวญว่า  "ช่วงนี้ผมหัวเราะไม่ออกเลยครับ  ผู้คนด่าว่าผมบนอินเทอร์เน็ตทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องอะไรเลย  แต่รู้มั้ย  ชีวิตเรามันเป็นอย่างงี้"


กระแสโจมตีนั้นกดดันให้เขาแสดงคำขอโทษและให้เหตุผลว่าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายความรู้สึกใคร โดยเฉพาะกลุ่มชาวเอเชียน มุกตลกนี้ไม่ได้เกิดจากจิตคิดร้ายหรือต้องการดูหมิ่นแต่อย่างใด


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE