Favorite of April 2017;)

30 13

สวัสดีค่ะสาวจีบันทุกคน ปกติไม่ค่อยได้มาในรูปแบบกระทู้ Favorite สักเท่าไหร่เดือนนี้ของที่ชอบมีเยอะจริงๆ แล้วรู้สึกชอบ รู้สึกว่ามันดีจริงๆ เลยอยากมาแนะนำสาวๆจีบันค่ะจริงๆ เป็นผู้หญิงที่มีเครื่องสำอางค์เยอะมาก และแต่ละประเภทของเครื่องสำอางค์ก็มีหลายอันมากๆก็จะหยิบใช้สลับกันไปแล้วแต่ชอบ แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมา ก็ได้หยิบสิ่งเหล่านี้มาใช้เป็นประจำ บางตัวไม่ได้หยิบมาใช้นานแล้ว แต่พอหยิบมาใช้กลับรู้สึกชอบมาก ใช้ตลอดเลยช่วงนี้

ทุกตัวควักเงินซื้อมาลองมาเล่นเองทั้งหมด และเก็บสะสมไปด้วยในตัว 55555

ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่ามีอะไรที่เป็นลุกรักในเดือนเมษาบ้างอาจจะเขียนรีวิวยาวหน่อยนะคะ ถ้าใครไม่ชอบอ่าน ดูภาพเอาเน้ออออเนยจะรีวิวตามลำดับการแต่งหน้าของเนยเองเลย ไปดูกันเลยจ้า

มาเริ่มกันที่ตัวแรกเลยนะคะ จริงๆมี SKIN CARE หลายตัวเหมือนกันแต่ชอบสุดๆคือนี่เลย

PHYSIOGEL HYPOALLERGENIC DAILY MOISTURE CREAM

ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาหน้าแห้งแบบร้องไห้หนักมาก แถมเป็นขุย เป็นแดงๆ

แต่งหน้าให้ตายก็ไม่ดูดี เลยลองไปร้านบู้ทส์ พนักงานแนะนำตัวนี้มา

เนยซื้อมาคู่กับเจลล้างหน้า ใช้ควบคู่กันทุกวัน เช้าเย็น หน้าไม่แห้งแล้วค่ะ

จริงๆ ใช้แล้วรู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้นตั้งแต่วันแรกเลย ใช้มาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้

หลอดเริ่มแบนแล้ว ราคาครีมประมาณ 4-5 ร้อยบาท ส่วนเจลล้างหน้าประมาณ 2 ร้อยบาทค่ะ

ช่วงหน้าร้อนนี้ยอมรับเลยว่าแดดแผดเผาจนหน้าดำไหม้เกรียม

ยิ่งช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาไปทะเล แทบจะพลิกแผ่นดินมุดอยู่ใต้ดิน แดดมันแรงมาก

แต่หน้าไม่ดำ ไม่หมองเลยค่ะ เพราะใช้ตัวนี้ BIORE UV PERFECT MILK

นี่ไม่ใช้แค่ขวดแรกที่ใช้นะคะ

ถ้านับจริงๆเป็นขวดที่ 3 แล้ว ชอบมากๆ แถมราคาไม่แพง ทาได้ทั้งหน้าและตัว

ราคาประมาณ 2 - 3 ร้อยบาทค่ะ

ตัวถัดมา เลิฟสุด เลิฟมาตลอดเป็นหลอดที่สองแล้วด้วย

THE PORE fessional จาก BENEFIT

มันช่วยอำพรางรูขุมขนของเราได้ดีมากจริงๆ แถมทำให้เครื่องสำอางค์ติดทนนานด้วย

ราคาประมาณ 1,300 บาท ใช้คุ้มมากๆ ใช้แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้นก็ทาได้ทั่วหน้าแล้วค่ะ

ตัวต่อไปคือ ประเภทของรองพื้นค่ะ อย่างที่บอกเนยเป็นผู้หญิบที่

บ้าซื้อเครื่องสำอางค์มากชอบซื้อ ชอบลอง มีหลากหลายตัวมากๆ แต่ช่วงที่ผ่านมา

ได้ซื้อตัวนี้มาลอง เพราะดูคุณโมเมรีวิว แล้วก็อยากจะได้มาสักพักจึงตัดสินใจซื้อ

นั่นก็คือ It Cosmetic CC+ YOUR SKIN BUT BETTER สี LIGHT

เท่าที่ทราบคือเป็นของสัญชาติอเมริกา แต่ผลิตที่เกาหลีนะคะ

ตัวนี้มันเป็น CC ที่ให้ความรู้สึกและผลลัพท์เหมือนรองพื้นเลยค่ะ

แต่ไม่ใช่แค่ช่วยในการแต่งหน้า มันยังมีส่วนผสมที่เป็นตัวบำรุงอยู่เยอะแยะมากมาย

แถมมี SPF อีกด้วย เนยใช้ตัวนี้แต่งหน้าไปทำงานทุกวันเลยค่ะ

ตัวนี้ช่วยปกปิดได้ระดับนึงแต่ไม่ถึงขั้น full และกลิ่นไม่เป็นสารเคมีมากค่ะ

จะมีกลิ่นที่ทำให้รู้สึก Fresh ยังไงไม่รู้อธิบายไม่ถูก แต่ปลื้มมาก

แถมไม่เป็นคราบและไม่เมือกระหว่างวันค่ะ

แต่ถ้าวันไหนไปงานหรืออยากหน้าแน่นจะใช้ Estee double ware

ราคาประมาณ 1,700 บาท หาซื้อได้ที่ SEPHORA นะคะ

ต่อมา มาในส่วนของแป้งกันบ้างนะคะ แป้งตัวแรกที่หยิบใช้ตลอดเลย

จริงๆไม่ใช่แค่ช่วงนี้ แต่หยิบใช้มาตลอดตั้งแต่ซื้อมา และคิดว่าหมดแล้วซื้อซ้ำแน่นอน

ก่อนหน้านี้เคยมีป้าลอร่าเป็นลูกรัก ตอนนี้แทบไม่ได้หยิบมาใช้เลยค่ะ

ตัวนี้ก็คือ Three ultimate diaphanous loose powder รุ่น GLOW สี 01ชอบตรงที่มีพัฟที่นุ่มมากกกกกก และมีตาข่ายกรองแป้งให้แป้งละเอียดเวลาเคาะมาใช้

กระปุกนึงประมาณ 1,950 บาทค่ะ แต่ใช้ได้นานมากๆ หลายเดือนจริงๆ คุ้ม

แป้งตัวต่อมา ตัวนี้ยอมรับว่าลังเลเหมือนกันที่จะซื้อ เพราะราคาทำเอาบาดเจ็บ

แต่ก็ตัดสินใจซื้อตั้งแต่วันแรกๆ ที่ออกขาย แถมได้สลักชื่อลงแสดงความเป็นเจ้าของ

ตัวนี้คือ YSL Fushion ink compact foundation ค่ะ

เนื้อสัมผัสจะเป็นแป้งดินน้ำมัน นุ่มๆนิ่มๆ กดไปบุ๋ม ทาลงบนหน้าก็แห้งไปกับผิวเลย

บางวันไม่ได้ลงรองพื้น ก็จะใช้แป้งตัวนี้แหละ คุมมันกันน้ำ ได้ดีจริงๆ สมคำร่ำลือ

แต่จริงๆช่วงที่เราหน้าแห้งใช้ตัวนี้ก็แอบเป็นคราบเล็กน้อย

แต่ว่า ชอบที่คุมมันได้ดี และปกปิดได้ดีค่ะ

ราคา 2,600 บาท หาซื้อได้ที่เคาท์เตอร์ YSL ทุกสาขานะคะ

ตัวนี้จริงๆ บางคนก็อาจจะงงว่าทำไมมันมาอยู่ขั้นตอนการลงแป้ง

ตัวนี้คือ URBAN DECAY DE-SLICK ค่ะ ซื้อขนาดเล็กมาลอง

(ใครสนใจแนะนำให้ซื้อ Size จริงเพราะคุ้มกว่านะคะ)

ตอนแรกที่ใช้ไม่ชอบเลยค่ะ เพราะกลิ่นมันเหม็นกลิ่นแอลกฮอลล์มาก เหม็นแบบสาบๆเลยTT

ไม่รู้ว่ามีใครคิดแบบเราไหม 5555555555

แต่พึ่งค้นพบข้อดีและทริคดีๆค่ะ

เนยลงแป้งฝุ่นของ Three หลังจากลงรอนพื้น พอลงแป้งเสร็จฉีดอันนี้ให้ฉ่ำทั่วหน้า

แล้วเอาไดร์เป่าผมเปิดเบอร์เย็นๆ เป่าให้แห้ง เสร็จแล้วก็ลงแป้งอีกที แล้วลงสเปรย์ แล้วเป่า

ทำแบบนี้สองรอบค่ะ เนยดูจาก Blogger ต่างประเทศ และคุณ ขวัญมา

วิธีนี้มันใช้ได้ผลจริงๆค่ะ มันทำให้หน้าเราไม่วัน และแน่นปังทั้งวัน ไม่เป็นคราบ ไม่เมือกเลย

ราคา Size นี้ประมาณ 570-580 จำราคาที่แน่นอนไม่ได้ค่ะ Size จริงประมาณ 1,100-1,300 ค่ะ

ซื้อตรงเคาท์เตอร์ระหว่างจ่ายเงินใน SEPHORA จะมีพวกผลิตภัณ์ Travel Size มากมายค่ะ

ถัดมาเป็นลำดับการแต่งคิ้วค่ะคือถ้าใครเขียนคิ้วชำนาญแล้ว เนยแนะนำใช้เจลเขียนคิ้ว

เพราะว่ามันคุ้มมาก มันใช้ได้นาน 5555555555

ปกติก็ใช้ดินสอเขียนคิ้วแบบหมุนๆ ออโต้ค่ะแต่รู้สึกว่าเดี๋ยวหักบ้าง หมดเร็วบ้าง

เลยลองซื้อตัวนี้มาใช้ดู KA BROW #03 จาก BENEFIT ชอบตรงที่มันติดทนมากๆ

เขาเคลมว่ามันกันน้ำ กันเหงื่อ ติดทน 24 ชั่วโมง ชอบมาก

แต่รู้สึกว่าสีเบอร์นี้มันจะน้ำตาลอมเทาไปหน่อย แต่ถ้าซื้อเบอร์ 4 ก็เข้มไป

ราคา 1,000 บาท ซื้อได้ที่ BENEFIT และ SEPHORA ค่ะ

อีกตัวนึงคือ High brow ตัวนี้เนยได้มาจากทางแบรนด์ให้ตอนไป workshop ค่ะ

คือเคยคิดจะซื้ออยู่แล้ว แต่พอทางแบรนด์ให้มาก็รู้สึกดีใจมาก 55555

เนยเป็นคนชอบเขียนคิ้วให้คม จักใช้ตัวนี้ในการช่วยไฮไลท์โหนกคิ้วให้ดูเส้นคิ้วคม

มันไม่เป็นคราบเลยแถมเกลี่ยง่าย ใช้งานง่าย ราคาประมาณ 900 บาทค่ะ (แต่อันนี้ได้มาฟรี อิอิ)

ขั้นตอนต่อไปคือการแต่งตาค่ะ ตัวนี้คือ

SHADOW INSURANCE EYE SHADOW PRIMER จาก TOO FACED

แต่ก่อนคิดว่าอายไพร์มเมอร์ไม่เห็นสำคัญต่อการลงอายแชโดว์

แต่พอได้ซื้อมาใช้ บอกตามตรงมันทำให้สีอายแชโดว์ไม่ผิดเพี้ยน และติดทน สีแน่น

สีในพาเลทเป็นยังไง ได้อย่างนั้น แถมทำให้สีแน่นทนทั้งวันค่ะ ใช้แค่จิ๊ดเดียวเท่านั้น

ใครเปลือกตามัน แนะนำตัวนี้เลย

ราคา 1,090 บาท หาซื้อที่เคาท์เตอร์ TOOFACED หรือใน SEPHORA ค่ะ

ต่อมาเป็น EYE SHADOW ค่ะ ยกให้ พาเลทนี้

SWEEET PEACH PALATTE จาก TOO FACED

เพราะกลิ่นหอมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมากๆๆๆๆ 555

ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่แค่กลิ่นหอม สียังสวย มีสีโทนที่สามารถแต่ง Everyday look Natural look ได้

และยังสามารถแต่ง smoky eye ได้ บอกเลยว่าพาเลทนี้คุ้มมากค่ะถ้าว่าด้วยความติดทน

มองข้ามได้เลยไม่ต้องกังวล เพราะ พาเลทของ TOOFACED เนยไว้วางใจมาก 555

มีพาเลทของเค้าประมาณ 5 พาเลทได้ และมั่นใจในสีและคุณภาพ

ราคาแพงนิดนึงแต่เนยว่ามันคุ้มค่า เพราะว่ามันมีหลายสี ลองมาหารๆ ก็ตกสีละไม่กี่บาทค่ะ

ราคา 2,790 บาท ตอนนี้ยังพอมีขายน้า ลองหาซื้อที่ SEPHORA นะคะ เห็นใน online ยังมีค่ะ

ต่อมาคือที่ดัดขนตาและมาสคาร่าค่ะ

ที่ดัดขนตาพึ่งได้มาใช้ไม่นาน แต่ก็ชอบ เป็นของแบรนด์ SHU UEMURA ค่ะ

มันก็เข้ากับเบ้าตาเราและรู้สึกว่าทำให้ขนตาเด้ง แต่ต้องดัดหลายที

ถ้าถามถึงความใกล้เคียงจริงๆ ก็เหมือน SHISEDO แต่อยากซื้อมาลอง

จริงๆตอนนี้อยากหามาสคาร่าที่มันไม่หนักไป รู้สึกว่าดัดแล้วทาตอนแรกขนตาเด้งมาก

แต่สักพักเหมือนขนตาก็เริ่มตกและดรอปลง 55555 แต่ก็ชอบที่มันพอดีกับเบ้าตาค่ะ

ราคาประมาณ 650-750 ประมาณนี้ค่ะ ซื้อจากเคาท์เตอร์ SHU

ต่อมาเป็น มาสคาร่า บอกเลยว่าไม่เคยพ้นแบรนด์ เมย์เบอลีนลองมาหลากหลายแบรนด์แล้วไม่ว่าจะเป็น

BENEFIT ,  TOOFACED , MARC JACOB , CLINIQUEแต่ที่ชอบจริงๆ คือ MAYBELLINE ค่ะ ตัวนี้ซื้อมาลองเพราะอยากเป็นบาร์บี้  555555

ก็โอเคนะ ด้านนึงเป็นมาสคาร่า ด้านนึงเป็นไฟเบอร์ ขนตายาวมาก แต่ดัดแล้วมันเด้งแค่แปปเดียว

เด้งแล้วสักพักดรอป สงสัยต้องหาวิธีช่วยให้มันเด้งตลอดแล้ว ขอไปหาทริคก่อนน้า

ราคาซื้อมาตอนลดค่ะ 279 บาท

จริงๆ ตัวนี้ต้องลงหลังจากลงรองพื้นค่ะ ข้ามมาสะไกล

นี่คือ LE BLUSH CREAM DE CHANEL สี CHAMADE

ตัวนี้คือทำให้สีแก้มเราชมพูแดงตลอด ติดทนมาก เกลี่ยงาน ใช้มาตลอดตั้งแต่ซื้อ

มีอีกซื้อนึงที่เนยใช้จนเห็นถาดแล้ว เป็นเครื่องสำอางค์แรกที่ใช้หมดถาด TT 5555

เลยไปซื้อสีนี้มาใช้อีก ก็ใช้มานานมากๆ แล้ว เกือบปีแล้วแต่ยังไม่แหว่งเลย

แตะแค่เพียงนิดเดียวสีก็ติดทน และเกลี่ยง่ายไม่เห็นคราบเลย

ลงตัวนี้แล้วก็ลงแป้งค่ะ แล้ววันนั้นอยากจะปัดแก้มสีอะไรก็ไปเลือกอีกครั้งตอนใช้แบบฝุ่น

ราคา 1,650 บาท ซื้อได้ที่เคาท์เตอร์ CHANEL จ้า

ตัวนี้มันออกมาตั้งแต่พฤศจิกาปีที่แล้ว แต่ถึ่งได้ซื้อเมื่อกุมภา คือลังเลจะซื้อนานมาก

สุดท้ายก็ซื้ออยู่ดี จริงๆ โทนสีมันเหมาะสำหรับหน้าหนาว วินเทอร์ๆ เนอะ

แต่ก็เอามาปัดหน้าร้อนได้ ละมุนละไมสวยงาม

นี่คือ JILL STUART BLUSH สี ROSE BOX

เนยชอบตรงสีแดงอมม่วง ดูเบอรี่ดี วิธีใช้ก็คือปัดๆวนๆ ผสมกันค่ะ

แก้มดูแดงๆ ม่วงๆ โอ้ยสวยยยยยยยยบอกไม่ถูก 55555555555555

แค่แพคเกจก็กินใจไปครึ่งใจแล้วอะ ><

ราคา 1,650 บาท ซื้อที่เคาท์เตอร์ JILL STUART PARAGON ค่ะ

ต่อไปคือ HIGHLIGHT ค่ะ จริงๆหน้าร้อนแบบนี้ไม่ควรฟาด HIGHLIGHT

แต่เนยก็เอามา HIGHLIGHT จมูกให้ดูเป็นสันนิดนึง 5555

becca shimmering skin perfector opal

ก่อนหน้านี้ใชข้ Hourglass แต่รู้สึกว่า มันไม่ค่อยพุ่ง มันสวยแบบละมุนเกินไป

ก็เลยสอยตัวนี้มา เห้ยคือมันวิ้งงงงงง เงา โกลว์ สวย เนยใช้ สี OPAL

ราคา 1,650 บาท ซื้อที่ SEPHORA ทุกสาขาค่า 

ต่อไปคือ Bronzer นี่คือ BENEFIT HOOLA ตัวดัง ไม่รู้จักไม่ได้ ! 55555

จริงๆไม่ได้ เฉดหรือคอนทัวร์รูปหน้าสักเท่าไหร่

แต่เอามาเฉดสันจมูก ใช้คู่กับ Becca นี่แหละ คืออยากดั้งพุ่งงงงง!!!!

ตัวนี้ได้ฟรีมาตอนไป workshop ค่ะ เห็นจิ๋วๆ แบบนี้ใช้ได้นานและเยอะเหมือนกันนะ

ราคา ถ้าเป็น size จริงรู้สึกจะ 1,200 นะคะ ไม่แน่ใจค่า

สุดท้าย จบการแต่งหน้าด้วยการฟาดลิปสติก

เลือกไม่ได้จริงๆ เลยพูดหมดเลยสามแท่ง สามสี เพราะใช้วนไปทุกว้ัน

คือมีลิปสติกเป็นร้อยแต่ใช้อยู่แค่นี้

- MAC LIPSTICK MATTE สี Velvet teddy ค่ะ อันนี้ก็พึ่งได้มาแต่ชอบมากๆ

มันนู้ดโทนน้ำตาล นู้ดที่ทาได้ทุกวัน เข้ากับทุกลุค และดูสวยแพงดี ติดทน

ก่อนทาลิปสติกเนยลง ลิปไพร์มเมอร์ของ Mac ก่อน ยิ่งติดทนและเติมร่องปากได้ดีมาก

ราคา 850 บาท

- MAC LIPSTICK MATTE สี Please me  เป็นสีชมพูที่ ทุกคนควรมี ชมพูหวาน สวย ใสๆ

เหมาะกับการทาไปทำงานทุกวัน

ราคา 850 บาท

- YSL ROUGE VOLUOTE SHINE  สี 13 pink in paris เป็นเนื้อ shine นะคะ จริงๆไม่ค่อยชอบทาเนื้อ shine แต่อันนี้ทาแล้วสวยมาก ไม่วาวจนเกินไป สีจะหวานๆ กลอสๆ หน่อย

แต่เวลาทาจะใช้วิธีแท็บๆ แตะๆ มันเป็นชมพูที่ออกไปทางบานเย็นนิดๆ แต่ไม่ได้มาก

เป็นชมพูสีแปร๋นนิดนึงแต่ดูแพง  เอามาทาเบลอๆ แล้วสวยดีค่ะ

ราคา 1,300 (ถ้าจำไม่ผิด ซื้อที่เคาท์เตอร์ YSL ค่ะลองเช็คราคาอีกทีนะคะ)

หมดแล้วค่ะสำหรับ Favorite ลูกรักเดือนเมษายนที่ผ่านมา เขียนรีวิวยาวไปหน่อย ใครไม่ชอบอ่านเนยแนะนำให้ดูรูปน้า 555555 คือพยายามตั้งใจเขียนจริงๆค่ะ

ขอบคุณสาวๆที่อ่านจนจบน้า

รอบหน้าจะรีวิวลิปสติกทั้งหมดที่มีในกรุให้ชมน้าาาาาาา ถ่ายรูปไว้แล้วรอมาเขียนค่ะ


balutnuey

balutnuey

FULL PROFILE