รีวิว+เห่อของจากญี่ปุ่น

11 1

สวัสดีค่ะชื่อนุกนิกค่ะ ที่เป็นกระทู้แรกของนิกเลยหลังจากที่สอดส่องอ่านชาวบ้านมานาน555 อาจมีผิดพลาดบ้างเล็กน้อยนะคะก็ขอโทษล่วงหน้าเลยละกัน สาเหตุที่มาเห่อของวันนี้ก็คือ 1.ติดตามชาวบ้านมานานแล้ว เราก็อยากจะมาแชร์ประสบการณ์และของของตัวเองบ้าง 2. รู้สึกว่าการ haul ของจากต่างประเทศเนี่ยควรอัพเดทบ่อยๆ เพราะตอนที่นิกเข้าไปอ่านก่อนไปเที่ยวเนี่ย บางกระทู้มันหลายปีมาแล้ว อะไรๆมันก็เปลี่ยนแปลงไปอัพเดทไปเนอะ เผื่อมีใครจะไปเที่ยวช่วงนี้ก็หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยเพื่อนๆได้บ้างนะคะ

ตัวแรกเริ่มที่สนามบิน king power สุวรรณภูมิบ้านเราเอง

สีไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ขอขโมยมาจากอากู๋นะคะ

1. MAC lipstick สี Pink pigeon เป็นลิปเนื้อแมทสีชมพูปรี๊ดปร๊าด ตั้งใจซื้อมาทาถ่ายรูปโดยเฉพาะ เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยเจอปัญหาเดียวกันคือถึงแม้ว่าลิปบางตัวของเราจะชมพูแจ๋นมากแค่ไหน ถ่ายรูปออกมามันก็กลายเป็นสีปกติอยู่ดี เพราะฉะนั้นเลยจัดสีที่คิดว่าถ่ายรูปขึ้นแน่นอน นิกก็ไปยืนลองๆ เอาสีนั้นสีนี้มาสวอชที่มืออยู่นาน จริงๆแล้วตั้งใจจะไปซื้อ candy yum-yum แต่พอลองออกมาแล้วรู้สึกว่าแรง(สำหรับเรา)ไปหน่อย เลยลงเอยด้วยสีนี้ แล้วพอถ่ายรูปออกมามันก็เวิร์คจริงๆค่ะ

ราคา 705 บาท

รูปสีเพี้ยนเช่นเดิม5555

2. MAC lipstick สี bear hug เป็นรุ่นลิมิเต็ด มีความเป็นเนื้อใสๆอยู่มาก คือสีมันจะไม่ได้แน่นมากเหมาะกับวันสบายๆหรือแต่งหน้าอ่อนๆ จริงๆตั้งใจมาซื้อลิปสีส้มค่ะ สีส้มที่จะทาไปเรียนได้ทุกวันไม่เข้มมาก แต่ลองไปลองมาเอาอันนี้ละกัน5555 ก็มีความเป็นสีส้มอยู่นะ แต่จะออกติ่งชมพูนิดนึง ยังไม่ได้ลองแต่คิดว่าน่าจะสวยอยู่ :)

ราคา 835 บาท

เนื่องจากว่าเงินที่แม่ให้ไปเที่ยวเป็นเงินเยนหมดเลย ซึ่งตอนนี้ในกระเป๋าสตางค์ไม่มีเงินไทยเลยต้องใช้บัตรตัวเองรูด เพราะฉะนั้นพอก่อนเท่านี้เนอะ ไปต่อที่ญี่ปุ่นกันดีกว่าค่าาา55555

ค่าเงินที่นิกแลกไปตอนนี้ 100 เยน เท่ากับ 28 บาทนะคะ

ต้องขอบอกก่อนว่าทริปนี้นิกมาเที่ยวแค่สองวัน และมีเวลาตามแหล่งช็อปจำกัด เพราะคนที่มาเที่ยวด้วยกันไม่ใช่สายช็อปแต่เป็นสาย advanger ไอ้เราจะไปซื้อของอย่างเดียวก็เกรงใจเค้าอยู่555 แต่ได้มาเท่านี้ก็ถือว่าฟินแล้วค่ะ ได้ของตามที่ประสงค์ทุกอย่างถือว่าทริปนี้ผ่านไปด้วยดี55555 งั้นอย่าเสียเวลาเลยเนอะ วันแรกที่เราไปเสียเงินให้ได้แก่ร้าน daiso ที่ harajuku นั่นเอง

3. Daiso makeup brush cleaner ขนาด 150 ml หอบมาเลยค่ะ 4 ขวด (ถือไหวเท่านี้5555) ใจจริงนิกต้องการจะไปซื้อน้ำยาล้างพัฟ แต่สายตาเราดันไปเจอเจ้าตัวนี้อยู่ข้างๆกัน ก็เลยคิดว่าเอาตัวนี้ดีกว่า อยากได้น้ำยาล้างแปรงมากกว่า พัฟไม่ได้ need มาก (นิกใช้ biore makeup remover โฟม สำหรับล้างพัฟรู้สึกว่ามันโอเคอยู่แล้ว) ส่วนตัวนี้ที่เห็นครั้งแรกนั้นความรู้สึกมันบอกว่าเหมือนของ etude เลยแฮะ น่ารักใสๆน่าจะลองซื้อมาเล่นดู ดีไม่ดียังไงก็ช่างมันเหอะ 30 บาทเอง555 พอกลับมาใช้จริงรู้สึกว่ามันยังไม่สะอาดสะใจเราอ่ะ คือต้องวนอยู่หลายรอบกว่าแปรงจะขาว ซึ่งที่เราเคยๆใช้มันก็วนชึบๆๆขึ้นมาขาวใช่แมะ อันนี้ต้องวนอยู่นาน อาจะเป็นเพราะยังใช้ไม่เป็น ใส่น้ำมากไปหรือยังไง จะให้โอกาสเค้าค่ะ 4ขวดก็อยากจะใช้ให้นานหน่อย

ราคา 108 เยน = 30.24 บาท

ที่ฮาร่าเราจะเน้นซื้อเสื้อผ้า ของจุ๊กจิ๊กมากกว่า ก็เลยได้มาแค่ตัวเดียวค่ะ สถานที่ต่อไปที่เราจะไปบุกก็คือ shibuya!!!!! ตอนไปถึงเราเล็งร้าน matsumoto ไว้แล้ว มันเป็นร้าน tax free ขายยา เครื่องสำอาง เครื่องประทินผิวต่างๆ มีหลายสาขาในญี่ปุ่นและเป็นร้านดัง (เชื่อว่าหลายๆคนรู้จักกันดี ใครที่เคยไปญี่ปุ่นต้องเคยเข้าอย่างแน่นอน อาจจะเข้าโดยไม่รู้ว่าร้านอะไรแบบที่นิกไปตอนแรกๆ5555) เนื่องจากเวลาจำกัดและร้านนี้อยู่ใกล้จุดนัดพบนิกจึงเก็บไว้ซื้อตอนสุดท้าย

นิกและเพื่อนที่ไปด้วยกันตั้งใจจะไปซื้อ bao bao ที่ห้าง Shibuya Hikarie (อยู่ตรง shibuya station เลย) แต่หลังจากที่ไปแล้วไม่มีเราสองคนก็เดินลงบันไดเลื่อนมาด้วยความหดหู่ ทันใดนั้นเราทั้งคู่ได้หันไปเจอเคาท์เตอร์ MAC ที่ชั้นเครื่องสำอาง เพื่อนบอกว่าอยากไปดูลิปให้แม่ เราสองคนก็ตกลงพุ่งไปที่นั่นกัน ระหว่างที่เพื่อนนิกกำลังซื้อและพูดคุยกับ BA อยู่นั้น นิกก็ยืนวอแว ลองนู่นลองนี่ (ราคามันไม่ได้ต่างกับไทยมากเลยแค่ยืนเล่นๆ) ก็เห็นว่าเฮ้ย ผลิตภัณฑ์มันเป็นภาษาญี่ปุ่นหว่า ชื่อสงชื่อสีงี้ น่ารักจัง แต่ก็ไม่ได้อะไร ขณะนั้นเองพี่ BA คนสวยก็พูดกับเพื่อนนิกว่า เดี๋ยว you เอาบิลนี้ลงไปทำ tax refund ที่ชั้นล่าง ข้าพเจ้าผู้ชอบของถูกของลดก็จับบลัชออนอยู่สีนึง (ที่เราว่าสวยและกำลังหาชื่ออยู่เนื่องจากชื่อญี่ปุ่นอ่านไม่ออก) ก็เลยถามพี่ BA ว่า can i try this? hahaha พอ try เสร็จไม่คิดมากเลยค่ะ เอาเลย พยักหน้าทำตาใสใส่พี่ BA ก็เลยได้สิ่งนี้มา

นี่ภาพสวอชจากเน็ตค่ะ

4. MAC pro longwear blush สี whole lotta love เป็นบลัชออนสีชมพูน่ารักมาก ไม่เข้มไปไม่อ่อนไป ขนาดว่าตอนนิกไปลองตอนนั้นคือหน้ามันเยิ้ม ผ่านศึกจากการช็อปมาทั้งวันแต่พอทาไปแล้วมันไม่ได้เด้งออกมาหรือทำให้หน้าหมองเหมือนสีชมพูอื่นๆ (กำลังจะสื่อว่าคนผิวคล้ำก็ใช้ได้) ส่วนตัวรู้สึกว่ารักสีนี้นะคะ อาจจะได้ขึ้นแท่นเป็นลูกรักตัวถัดไป

ราคาเต็ม 3,300 เยน = 924 บาท ได้ tax refund มา 264 เยน (ได้คืน 70 บาทก็ฟินละค่ะ555) สรุปแล้วราคานาง 850 บาท

จบจากห้างนี้ก็ใกล้เวลานัด ไปค่ะ กลับไปบุก matsumoto กัน

5. แผ่นมาส์คหน้า lululun ที่มี 7 แผ่นในหนึ่งซอง มาส์คไปเลยค่ะสัปดาห์ละซอง ได้มาทั้งสามสีสามสูตร ขอสารภาพว่ายังจำไม่ได้ว่าสีไหนช่วยอะไร5555 แต่ได้ลองไปแผ่นนึงแล้ว (เห็นได้จากรอยฉีกที่ซอง) ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่า essence มันน้อยไปหน่อยนะ คือเป็นคนชอบแผ่นมาส์คที่มีความฉ่ำเยิ้มไง แบบพอดึงออกมาแล้วมันยังมีความหนืดเหนียวอยู่บนหน้าเรา อยากให้มันชุ่มฉ่ำไปทั้งคืน แต่ตัวนี้มันจะแบบดึงออกมาแล้วไม่ได้มีอะไรหนืดๆเหลือไว้ แม้แต่จะให้นวดๆตบๆยังไม่เหลือเลยค่ะ5555 แต่โอเคนะ รู้สึกว่าหน้าก็ดีขึ้นจริงๆ คนที่ไม่ชอบความหนืดเลอะเทอะอาจจะปลื้มตัวนี้ก็ได้ ยังไม่รู้ ยังต้องลอง จะให้โอกาสมันอยู่55555 เดี๋ยวจะใช้ไปเรื่อยๆแล้วหวังว่ามันจะเปียกบ้างนะ ครั้งหน้าต้องจุ่มให้มากกว่านี้555

ราคา สีชมพู 324 เยน (90 บาท) ส่วนขาวกับน้ำเงิน 432 เยน (120 บาท)

6. Biore cleansing oil เหตุผลที่ซื้อไม่น่าจะเดากันยากเลย น้อง my melodyที่ขวดล้วนๆ5555 จริงๆตั้งใจมาซื้อ cleansing water ค่ะ แต่ด้วยความที่ทำการบ้านมาไม่ดี+อ่านภาษาพี่ยุ่นไม่ออก+ขวดน่ารักกินใจ เลยทำให้ถอยตัวนี้กลับไป พอตกเย็นก็เห่อเอามาใช้เลยทำให้รู้ว่า อ่าว...ซื้อผิด แต่ไม่เป็นไรให้อภัยเพราะขวดน่ารัก5555 ไม่ใช่ละ แต่ด้วยความที่เราชอบผลิตภัณฑ์ biore อยู่แล้ว ใช้แล้วมันก็ไม่รู้สึกถึงความแรงแบบแสบตาอ่ะ (นิกเป็นคนเช็ดตาแรงมาก remover บางตัวเช็ดแล้วตาแดง ปวดตาแสบตาเลย) ก็เลยคิดซะว่าซื้อมาติดบ้านละกัน

ราคา 1,036 เยน = 290 บาท

7. กระดาษเช็ดหน้า biore อย่างที่บอกไปว่าชอบยี่ห้อนี้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ตั้งใจจะมาหิ้วกลับไทย ยังไม่ได้ลองค่ะ แต่คิดว่าน่าจะเหมือน remover wipes ทั่วๆไป แต่ประเด็นคือกล่องสีชมพูไง น่ารัก อีกแล้ววววววว5555 ชอบอะไรแบ๊วๆ

ราคา 718 เยน = 201 บาท

8. Biore aqua rich กันแดดที่สาวญี่ปุ่นยกให้เป็น the best (ดูจากน้องมง cosme) ปกติใช้อยู่แล้วค่ะ รู้สึกว่าเป็นกันแดดที่ราคาไม่แรงเหมาะกับกระเป๋าเงินนักศึกษา คุณภาพก็ดีเกินราคา ยิ่งราคาที่ญี่ปุ่นนี่ถูกกว่าแบบครึ่งครึ่ง ที่สำคัญคือมันดี ไม่วอกอ่ะ ส่วนตัวรู้สึกว่าใช้เป็น makeup base ได้ดีเลย (ลืมเอาคุณคนนี้มาถ่ายด้วยขอยืมจากอากู๋นะคะ)

ราคา 734 เยน = 205 บาท

9. KATE designing eyebrow สี EX-5 มาญี่ปุ่นทั้งทีจะไม่หิ้วผลิตภัณฑ์คิ้วของ kate กลับไปก็ดูเหมือนจะมาไม่ถึงเนอะ ยังไม่เคยมียี่ห้อนี้ไว้ในครอบครองเลยค่ะ เคยแต่ยืมของคนอื่นใช้และโดนสิงจากกระทู้รีวิวทั้งหลายจึงค่อนข้างเชื่อในคุณภาพของเค้า เชื่อว่าน่าจะเป็น favorite ของใครหลายๆคนเหมือนกัน ไม่ต้องอธิบายโนะ

ราคา 980 เยน = 274 บาท

10. Majolica majorca lash king mascara เค้าว่ากันว่าเป็น king of mascara ทำให้ขนตาหนา ยาว งอน เด้ง อะไรจะขนาดนั้นล่ะ นี่ก็เป็นอีกชิ้นที่แกะลองตั้งแต่วันแรก นิกเป็นคนที่ชอบขนตาหนาๆมีวอลลุ่มนะ ไม่ได้อินกับขนตายาวเท่าไหร่ แต่พี่คนนี้มีไฟเบอร์ค่อนข้างเยอะ ให้ความยาวได้ดีตามที่เคลมไว้จริงๆ ความงอนความเด้งให้ผ่าน แต่ความหนาไม่รู้สึก เฉยๆ เฟลagain ส่วนเรื่องความคงทนขอบอกเลยว่าพี่เค้าwaterproof จริงๆ สาวๆหลายคนคงนอยถ้ามาสคาร่าจะมาทำให้เราเป็นแพนด้าระหว่างวันใช่มั้ยคะ แต่พี่คนนี้ไม่ค่ะ รอบดวงตายังคงกระจ่างใสเหมือนเดิม ขนาดตอนลบยังต้องลบแล้วลบอีก เรียกได้ว่ากันน้ำกันกระแทกจริงๆ ถือว่าให้อภัยละกัน ชดเชยความไม่หนาได้

ราคา 1,296 เยน = 362 บาท

11. KATE eyebrow mascara สี BR-1 แกะใช้ตั้งแต่วันแรกที่ซื้อมา ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกว่ามันหูยยยยยดีจังเลยอะไรนะ เฉยๆค่ะ อาจเพราะเราตั้งความหวังไว้สูงกับผลิตภัณฑ์คิ้วยี่ห้อนี้ พอมาใช้จริงๆแล้วมันไม่ได้ดีอย่างที่คาด เลยนอยนิดๆ (ก่อนหน้านี้ใช้ MAC แล้วชอบมากกว่า) แต่ก็จะทนใช้ต่อไปจนกว่าจะหมดหรือเปลี่ยนสีผมค่ะ5555

ราคา 718 เยน = 201 บาท

วันที่สองไปวัดวาดูเกมส์ดูเคสมือถือตามเพื่อนและพี่ชายเพื่อน ค่ำๆก่อนกลับบ้านพี่เค้าก็พามาแวะร้าน Don Quihote หรือที่เรียกว่าร้านดองกี้ ที่มีสัญลักษณ์คือนกเพนกวิ้นเพื่อซื้อขนม แต่เนื่องจากเราทำการบ้านมาแล้ว เราจำได้ว่าไอ้เพนกวิ้นนี่มันขายเครื่องสำอางเว้ย5555 พอรู้ว่ามีสองชั้นก็รีบปีนขึ้นชั้นสองอยู่ในโลกของตัวเองทันที (วันนี้ตั้งใจจะมาซื้อ cleansing water จากที่ซื้อผิดมาเมื่อวาน) เดินวอแวอยู่นานมากว่าจะเอา biore หรือ bifesta ดี เดินคิดไปคิดมา + หาอย่างอื่นด้วย สายตาเราก็ตวัดไปเห็น bioderma อยู่ที่ซอกหลืบ มันแอบอยู่จริงๆค่ะ ไม่รู้กลัวขายออกหรือไร แอบไว้เพื่อ? ราคา 1850 เยน นี่ก็รีบหยิบมือถือมาคำนวณเลย เฮ้ย!!! ถูก!!! หยิบมาแบบไม่คิด ทิ้ง bifesta ในมือแบบไร้เยื่อใย (ถ้าไม่ติดว่าขวดใหญ่นี่จะเอาซัก10ขวดนะ555)

12. Bioderma sensibio h2o นางก็คือ cleansing water ที่คุณภาพดี๊ดีแบบที่หลายๆคนรู้จักนั่นแหละค่ะ หน้าที่ก็เหมือนยี่ห้ออื่นๆเพียงแต่ว่ามันดีกว่านิดหน่อย(เค้าว่ากันว่า5555) พอกลับบ้านมาใช้แล้วมันก็โอเคนะ เหมาะกับผิวแพ้ง่ายหน้าบางแบบเรา เช็ดแล้วไม่รู้สึกแสบผิวหรือแสบตาแต่อย่างใด แต่เผลอเช็ดลิปแล้วมันเข้าปาก รสชาตินี่อุบาทมาก (ก็แหงแหละใครเค้าให้กิน555) สรุปแล้วรักค่ะ ซึ่งราคาเท่านี้ถือว่าคุ้มนะ พอๆกับ bifesta biore etc. เลย ml ละบาทกว่าๆเนี่ย เยี่ยม!

ราคา 1850 เยน = 518 บาท

ซื้อๆอยู่เพื่อนมาตามจ้ะ5555 สรุปวันนี้ได้อย่างเดียว โอเค พรุ่งนี้เช้าก็กลับแต่เช้า ไม่เป็นไรไปสนามบินเร็วหน่อยละกันไปซื้อที่ duty free ต่อ แล้วพอไป duty free เราก็ได้มาอีกสองตัวค่าาาา

สีเพี้ยนอเกน!!!

13. Bobbi brown lipstick สี Pink 6 ตั้งใจซื้อมาให้คุณยายค่ะวันเกิดพอดี แต่ก็จะเอาสีที่ตัวเองสามารถไปแอบจิ๊กมาได้ด้วย5555 นิกก็เลยเลือกตัวนี้เพราะรู้สึกว่า packaging มันโอเค มันเหมาะกับผู้ที่เค้าอาวุโส จะให้ไปซื้อลิปที่แพคเกจสีชมพูลายคิตตี้ก็ไม่ใช่ป้ะ555 ขอแบบดูดีมีสกุลหน่อย จริงๆก็เดินอยู่หลายแบรนด์นะ ต้องบอกก่อนเลยว่านิกเลือก packaging ก่อน แล้วค่อยเลือกสี แล้วก็ราคา ซึ่งยี่ห้ออื่นมันไม่ตอบโจทย์ที่ต้องการ บางตัวแพคเกจสวย แต่สีไม่เหมาะกับยายเรา (+เรา 5555) บางตัวราคาพอๆกับไทย ก็เลยจบที่พี่คนนี้ ซึ่งสีอย่างที่บอก มันเหมาะกับทั้งคนมีอายุและสาวๆอย่างเรา เป็นสีชมพูผู้ดี หวานซ่อนเปรี้ยว (นี่มโนล้วนๆเลยนะ555) คุณยายเราผิวขาวเหลือง ส่วนเราผิวเหลืองคล้ำ แต่มันก็ช่วยขับสีเราให้สว่างได้ (ลองที่มือ) ก็เลยเลือกตัวนี้ค่ะ อีกอย่างคือพี่ BA น่ารักมากเลยอ่ะ เค้ายิ้มแย้มแจ่มใส ขายของเก่ง กระตือรือร้น ใครไปฝากชมด้วยนะ สนามบินฮาเนดะค่ะ5555

ราคา 2800 เยน = 784 บาท

14. Dior maximiser lip gloss มันอยู่ในไลน์เดียวกับ lip glow ที่หลายๆคนรู้จักกันดี ลองสวอชที่มือดูมันคือสีเดียวกันกลิ่นเดียวกันเลยค่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้นิกใช้แบบแท่งแล้วอยากลองเป็นกลอสบ้าง เอาไว้ทาวันเบาๆก็เลยตัดสินใจซื้อมา ตัวนี้เห่อมากขึ้นเครื่องแล้วทาเลย55555 พอก่อนลงจากเครื่องก็มาส่องกระจกดูเออปากสีชมพูสุขภาพดีแฮะ (วันนั้นนิกทาแค่ cc กับแป้งฝุ่น ไม่ได้แต่งเยอะ พอทาแค่นี้เลยให้ลุคที่เป็นธรรมชาติใสๆ) แต่พอวันต่อมาแต่งหน้าหนักไปหน่อยทาแค่นี้แล้วทุกคนทักว่าปากซีดจังทาลิปมั้ย5555 ก็เลยเอา occ lip tar สีแดงมาแตะๆแล้วทาอันนี้ทับ แม่คุ๊ณณณณ ปากสุขภาพดีมาก5555 เลิฟสุดๆเลยค่ะ อ๋อลืมบอกตอนที่ทาไปมันจะเย็นๆที่ปากด้วยนะ ซ่าๆดีค่ะ พอทาไม่ครบทั้งปากมันรู้สึกเลยว่าเฮ้ย ไปทาตรงนู้นด้วย ยังไม่เย็น555

ราคา 3100 เยน = 868 บาท

สำหรับร้านขายเครื่องสำอาง tax free ต่างๆก็ไม่ได้มีเท่านี้นะคะ นอกจาก matshumoto กับ ดองกี้แล้ว ก็ยังมีร้านที่นิกไม่ได้ผ่าน+ไม่ได้เข้าอีกอย่างร้าน sundrugs , sanzenri , ainz & tulpe และอีกมากมายค่ะ ซึ่งร้านพวกนี้จะขายของในราคาต่างกันเช่นร้าน A ขายกันแดดแพงกว่าร้าน B แต่ร้าน B ขายขนตาถูกกว่าร้าน A อะไรอย่างนี้เป็นต้น และแต่ละสาขาของร้านนั้นๆเองด้วยเช่นกัน อย่าง matsumoto แต่ละที่เนี่ยราคาก็ไม่ได้เท่ากันนะคะ ทางที่ดีถ้ามีเวลาก็มาเช็คก่อน จดราคาไว้เปรียบเทียบ หรือถ้าไม่แคร์ก็ซื้อๆไปเถอะค่ะ ไม่กี่เยนก็ไม่กี่บาทหรอก55555

สุดท้ายแล้วก็ขอบคุณมากนะคะ หวังว่าการรีวิวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคน หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขอโทษด้วยค่าาาา :-)


nikthew

nikthew

FULL PROFILE