งานหน้าเงาแบบสาวเกาหลี กับ Laneige BB Cushion Pore Control SPF50+PA+++

4 3
เกริ่นก่อนว่าก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวเกาหลี เห็นสาวๆที่นั่นหน้าขาวแบบเงาวาวๆ เทรนการแต่งหน้าเลยเปลี่ยนไปจากที่นิยมแป้งเนื้อแมทเริ่มหันมามองแป้งแบบ Cushion แป้ง BB Cushion จะเป็นเนื้อน้ำ BB บรรจุอยู่ในรูปแบบฟองน้ำที่อมน้ำไว้จนฉุ่ม เวลาใช้ก็แค่เอาพัฟกดลงไปในฟองน้ำ BB ก็จะติดขึ้นมา เราก็กดๆลงไปบนหน้าเรา *(ขอย้ำ ว่ากดๆ ตบๆนะคะ ห้ามถูโดยเด็ดคราบ เคยลองมาแล้ว งานคราบมาเต็มเกลี่ยกันไม่ไหวเลยทีเดียว) ก็ตบๆไปจนทั่วหน้า แค่นี้ก็งามเด้งแล้วค่ะ ที่เกาหลีไม่ว่าจะเป็นครีมหรือรองพื้นพนักงานขายทดลองทาให้เสร็จก็จะตบหน้าเราทุกคนเลย 


หลังจากทา BB Cushion ครั้งแรกเกิดอาการนอย เพราะปรกติเราทาแป้งเนื้อแมท แต่คราวนี้หน้าเรามันเงาเหมือนคนไม่ได้ทาแป้งเลยแอบกังวลนิดหน่อย เพราะที่เกาหลีเน้นย้ำว่าตบ BB Cushion แล้วไม่จำเป็นต้องทาแป้งทับ แต่พอออกไปข้างนอกเพื่อนๆทักว่าไม่แต่งหน้าแบบนี้ดูเด็กดีนะ ปลื้มซิคะ (ก็แต่งซะตั้งนาน) 



และเมื่อวันก่อนได้มีโอกาสลอง Laneige BB Cushion SPF50+PA+++ (ตอนที่เกาหลีเราใช้ของ Hera) ตัวนี้ทาง Laneige ส่งรุ่นตลับขาวมาให้ลอง ด้วยความสนใจเลยรีบหาข้อมูลเพิ่มแล้วตรงไปที่ Shop ปรากฎว่าจริงๆแล้วรุ่นนี้ทำออก 2 ตัว คือรุ่นที่ส่งมาให้เป็นตลับขาวสำหรับคนผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง และตลับสีฟ้าเป็นสูตร Pore Control เหมาะกับคนผิวแบบเราเลย คือมันและรูขุมขนกว้าง  สำหรับเราใช้เป็นเบอร์ 21 (สีนี้มันเกิดมาเพื่อฉัน) คือคนที่เคยขาวแต่ผ่านการตากแดดมายาวนาน กว่า 30 ปี จนกลายเป็นผิวสองสี  ขอข้ามมาเรื่องสีนิดนึง เราว่า BB Cushion ที่ออกมาตอนนี้เกือบทุกยี่ห้อไม่ว่าจะเป็น Laneige Hera IOPE หรือ Sulwhasoo สีอาจจะยังไม่เหมาะกับคนที่ผิวคล้ำมากๆ (แต่อนาคตอาจจะทำออกมาเพื่อตีตลาดมากขึ้น) มาว่ากันต่อนะคะ



มาดูที่ของกัน พอเปิดกล่องออกมาก็จะเจอตลับจริงวางคู่กับรีฟิลให้ 1 ชิ้น พอเปิดตลับออกจะเจอพัฟ (ตัวพัฟนี้ด้านฟองน้ำจะเป็นสีน้ำเงิน (เท่าที่เจอมาก็สีน้ำเงินกันเกือบทุกยี่ห้อ) พัฟรุ่นนี้ดีมากชอบสุดคือมันจะไม่อมเนื้อ BB กดมาเท่าไหร่ก็ใช้ไปเท่านั้น พอตบๆกับผิวหน้าแล้วจะติดที่ผิวเลย) พอเปิดฝาที่วางพัฟขึ้นจะเจอกระดาษซีลปิดไว้ เพื่อบอกว่าของใหม่นะจ๊ะ เราก็จัดการดึงกระดาษมันออกมาซะ  แท่นแทนแท๊น........เจอละค่ะ ฟองน้ำเก็บ BB ลองดมซะหน่อยกลิ่นหอมอ่อนๆใช้ได้ พอทดลองแตะเนื้อน้ำเงาวาวดีค่ะ แต่สูตรตลับฟ้า Pore Control ความเงาจะสู้สูตรธรรมดาไม่ได้นะคะ จะดูแมทกว่านิดหน่อย พอลองทากับหน้าก็ดูเนียนเรียบดีค่ะ ให้ลุคตามคำโปรย คือเงาฉ่ำ แลดูใสๆ ถ้าเทียบความฉ่ำกับแบรนด์อื่น Laneige เนียนฉ่ำดีค่ะ



หลังการทดลองใช้มาจนเที่ยงวัน คนผิวมันแบบเรายังไม่ต้องเติมแป้งแต่อย่างใด แต่พอบ่ายคล้อยก่อนเลิกงาน (น่าจะสัก 3-4 โมงเย็น) แอบใช้กระดาษซับมันไป 1 แผ่น แต่เนื่องจากลุคนี้ดูหน้าฉ่ำวาวเวลามันนิดมันหน่อยดูไม่ค่อยออกเท่าไหร่ค่ะ พอเอามือไปแตะๆเพิ่งถึงบางอ้อ อ้าวน้ำมันนี่หว่า  แต่บอกก่อนว่า BB Cushion การปกปิด จะไม่มากเท่าไหร่ คนผิวดีนี่เหมาะควรค่ามาก แต่คนที่มีปัญหาผิวแนะนำว่าใช้เบสปรับสภาพผิวก่อนแล้วค่อยลงตัวนี้ทับอีกทีจะดีกว่า ส่วนตัวเราลองมา 3 แบรนด์ การปกปิดพอๆกันค่ะ (มี Hera สูตร C จะปิดได้มากหน่อยแต่ความหนาก็มากกว่าเป็นเงาตามตัว แลดูไม่ค่อยธรรมชาติ)


รูปด้านบนเป็น Laneige เบอร์ 21 สีที่เหมาะกับเรามาก ทาแล้วเนียนเข้ามาก  1.จะเป็นผิวเรา  2.จะเป็นตอนเพิ่งลง  3.เมื่อเกลี่ยเรียบร้อย สังเกตุว่าจะเนียนมาก แต่เงากว่าตำแหน่งที่ 1

คำโฆษณาของตัวนี้ 6in1 คือ 1.ผิวกระจ่างใสยิ่งขึ้น (อันนี้ผ่านค่ะ เป็นตามนั้น)  2.สดชื่นสบายผิวลดอุณภูมิผิวลง 4C (อันนี้ส่วนตัวยังไม่รู้สึกว่าเย็นลงแต่อย่างใด แต่ตอนลง BB จะเย็นๆหน้านิดหน่อย)  3.SPF50+PA+++ (อันนี้จริงไหมไม่รู้ แต่ก็ปลื้มอยู่ เพราะแดดบ้านเราสาวๆน่าจะเข้าใจ)  4.ปราศจากคราบเหงื่อ 12 ชม. (ส่วนตัวเราอยู่แต่ห้องแอร์ ให้ผลตามนั้น แต่ถ้าไปเดิน JJ 12 ชม. อันนี้ไม่แน่ใจนะคะ)  5.สีผิวดูเนียนสม่ำเสมอ (อันนี้ตรงหน้าผากเราให้ผลตามนั้น แต่ตรงร่องอารยธรรม อันนี้เราให้ 7/10)   6.มอบความชุ่มชื่นยาวนานตลอดวัน (อันนี้จริงตามอ้าง เพราะชุ่มกว่านี้แมลงวันก็เกาะไม่อยู่แล้วละ)



รูปด้านบนเป็นวันที่เราแต่งหน้าเบาๆ ไปก้มหน้าก้มตาทำงาน รูปแรกลงครีมบำรุงเสร็จก็กระโดดขึ้นรถเลย No Make Up รูปที่ 2 แค่ลง Laneige ระหว่างรถติด รูปที่ 3 ถึงลานจอดพอดี (ระหว่างทางมีเติม Lip Tint, ปัดมาสคาร่า และคิ้ว) ส่วนรูปสุดท้ายกระแดะอยู่ที่โต๊ะทำงานเรียบร้อย สังเกตุที่คางเรารอยสิวยังคงเห็นอยู่นะคะ แต่ที่หน้าผากผิวเราไม่มีปัญหาใดๆ ดูเรียบงามอยู่

มาดูในเรื่องราคากัน ราคาเคาน์เตอร์อยู่ที่ 1,500 บาท อืมมแพงนะ แต่เดี๋ยวก่อน!!! 1,500 บาท กับขนาด 15 กรัม แต่มีรีฟีลให้อีก 15 กรัม (แอบถามราคาเฉพาะรีฟีลมา อยู่ที่ 700 บาท) บางช่วงมีลด 15% คำนวณดูแล้วก็ไม่แพงนะคะ เคยซื้อ Hera ที่เกาหลีราคาอยู่ที่ 1,200-1,300 (แต่ศักดิ์ศรี Hera สูงกว่านะคะ) แต่คุณภาพเราว่าใช้แทนกันได้เลย โดยรวมแล้วไม่น่าเกลียดออกจะน่าสนใจดีทีเดียว

จบละคะ รีวิวครั้งแรกในชีวิตเราเลยนะ ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ.ที่นี้ค่ะ 


 


Petchpailin

Petchpailin

FULL PROFILE