"Jeban's talk" จะพูดคุยเรื่อง น้ำหอม Valentina By Valentino

3 9

            สวัสดีค่ะทุกท่าน กระทู้นี้ถือว่าเป็นกระทู้เปิดตัว และถือโอกาศที่จะได้พูดถึงเรื่องน้ำหอมในดวงใจ และการจับผิดของก๊อปเกรด A  เพื่อไม่ให้สาวๆจะได้ไม่เสียรู้แม่ค้า 

           เราก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบน้ำหอม แต่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไรเนื่องเป็นคนเหงื่อออกเยอะโดยเฉพาะเวลาที่อากาศร้อนๆ มักจะให้กลิ่นหายมันจางหายเร็วกว่าคนอื่นๆ ทำให้้รู้เสียดายเงินเลยเลิกใช้ไปโดยปริยาย แต่ถึงอย่างนั้นเราก็มีน้ำหอมในดวงใจก็คือ "Valentina By Valentino" ที่ตกหลุมรักตั้งแต่ตัวขวดน้ำหอม และกลิ่นหอมหวานๆ ตามแบบของของ Valentino

 

             "Valentina" เป็นน้ำหอมตัวใหม่ล่าสุดของ Valentino เปิดตัวตอนเดือนกันยายนปี 2011 (สาวกแฟชั่นทั้งหลายคงทราบดีว่าเป็นช่วงเดือนกันยายนของทุกปีคือ new year ของวงการแฟชั่นในฝั่งยุโรป และอเมริกา เป็นตัวกำหนดเทรนการแต่งตัว สี การแต่งหน้า ทรงผม รวมทั้งแนวกลิ่นน้ำหอม ในปีถัด)

 

 

นางแบบคือ "Freja Beha" จากเดนมาก

 


โฆษณาที่ใช้โปรโมท 

https://www.youtube.com/watch?v=X1NsmDuyEiM

 

             มาดูความหมายของชื่อน้ำหอมตัวนี้กันก่อนนะค่ะ "Valentina" เป็นคำในภาษาลาตินหมายถึง "แข็งแรง,สุขภาพดี"  ซึ่งเราชื่อว่าหลายคนคงอาจจะสลับนิดน้อยกับชื่อแบรนด์ "Valentino"กับชื่อกลิ่นน้ำหอม "Valentina" 
แต่มีหลักจำง่ายๆค่ะ เจ้า "Valentina" เป็นกลิ่นน้ำหอมสำหรับผู้หญิงดังนั้นตัวท้ายพยัชนะท้ายสุดต้องเป็น "A" เนื่องจากในภาษาลาตินจะมีการแบ่งเพศของคำ ดังนั้น "Valentina" ต้องเป็นคำเพศหญิงจะลงท้ายA ในขนาดที่ "Valentinao" เป็นคำเพศชายจะลงท้ายด้วย O แต่มีความหมายเดียวกันเพียงแต่แบ่งเพศเท่านั้น
 


 

 

            มาดูแนวกลิ่นกันค่ะ "Valentina" เป็นกลิ่นแนว floral - fruity - oriental หากดูในรูปแบบพีระมิดของกลิ่นประกอบไปด้วย

            กลิ่นแรก (Top Notes) ประกอบด้วย มะกรูด (Bergamot), เห็ดทรัฟเฟิล (Truffles)

           กลิ่นรอง (Middle Notes) ประกอบด้วย มะลิ( Jasmins), ดอกส้ม (African Orange flower), ดอกซ่อนกลิ่น (Tuberose), สตรอเบอรี่ป่า (Wild Strawberry)

          กลิ่นสุดท้าย (Base Notes) ประกอบด้วย สนซีดาน(Virginia Cedar), ยางไม้(Amber), วานิลา(Vanille)


         ซึ่งแต่ละคนเวลาที่ฉีดลงบนจุดชีพจรหรือบนร่างกายกลิ่นที่ได้จะแตกต่างกันออกไป สำหรับเราคือกลิ่น "วานิลา" "สตรอเบอรี่" "ยางไม้" และท้ายสุดคือ "สนซีดาน"  

         ก่อนที่จะไปพูดถึงเรื่องน้ำหอมก็อปเกรดเอที่ขายเกลื่อนตามตลาดล่างยันห้างนั้น เราขออธิบายถึง "พีระมิดน้ำหอม (Perfume Pyramid)"

         "Perfume Pyramid"  คือช่วงระยะเวลาที่น้ำหอมจะปล่อยกลิ่นออกมาหลังจากฉีดลงบนร่างกาย ซึ่งแต่ละช่วงเวลานั้นกลิ่นจะแตกต่างกันออกไป
        ในช่วง 1-2 ชม.ของการฉีดพรมหรืออาบก็ตามจะเป็นช่วงของ Top Notes ของน้ำหอมนั้นๆ ซึ่งเป็นช่วงที่กลิ่นที่มีระยะเวลาที่สั้นมากบางตัวสั่นแค่ครึ่งชม 

 

       หลังจากนั้นจะเป็นช่วงที่สองคือ Middle Notes อยู่ที่ประมาณ 2-6 ช.ม.ใช้น้ำหอม เป็นกลิ่นที่เกิดจากการความร้อนในร่างกายทำให้กลิ่นหอมที่มีลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละคน
        ท้ายสุดจะเป็นช่วง Base notes เกิดหลัง Middle notes ซึ่งมีลักษณะการเกิดกลิ่นเหมือกับช่วง Middle notes แต่กลิ่นช่วงนี้จะมีกลิ่นที่คงทนกว่าช่วงอื่นๆ 


 


        ดังนั้นในการเลือกซื้อน้ำหอมแต่ล่ะควรจะซื้อลงบนลงชีพจรเช่น ข้อมือ แตะข้อมือทั้งสองเบาๆ และทิ้งไว้ประมาณสัก 1-2 ชม. เพื่อให้เกิดช่วงกลิ่น Middle Notes ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เพราะมีหลายคนที่ซื้อน้ำหอมมาแล้วไม่ได้ใช้ เพราะไม่ชอบกลิ่นที่กลิ่นหลังจากช่วง Middle notes  จะได้ไม่เสียดายเงินที่หลังกันนะค่ะ


 

      

"น้ำหอมก็อปเกรดเอ" คือน้ำหอมที่ทำเลียนแบบตามน้ำหอมจริง เหมือกระเป๋าก๊อปปี้ เครื่องสำอางก็อปปี้ทั่วไปๆ หากดูผิวเผินก็ไม่ได้ต่างจากของแท้เท่าไร บางตัวก็อปปี้เหมือนเเม้นกระทั้งกลิ่นแต่กลิ่นจะทนน้อยกว่า จริงๆแล้วหลักการสังเกตนั้นไม่ยากค่ะ แต่สาวหลายคนหน้ามืดเพราะความอยากได้และเห็นราคาถูกว่าของจริงเกือบๆครึ่งของราคาจริง เลยหลงคารมแม่ค้าที่อ้างว่า "แอร์หิ้วมาหรือหิ้วเอง" "น้ำหอมทดลองที่ถูกโละ" บลาบล๊าบบ แล้วมานั้นเจ็บใจที่หลังว่าจ่ายไปตั้งเกือบๆสองพันกับน้ำหอมปลอมราคาทุนไม่ถึงสองร้อยบาท

 

            ส่วนวิธีการตรวจน้ำหอมนั้น เราขอแนะนำคลิปของ "เจ๊จอยลองของ - น้ำหอมจริงหรือปลอมดูยังไง?" ซึ่งจะบอกทริปในการดูตั้งตัวขวดถึงลักษณการจำแนกน้ำหอมแท้กับน้ำก็อปปี้เกรดได้อย่างไร



       ซึ่งเราคิดว่ามันมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยค่ะ สำหรับการรีวิวแบบป้าๆ ของเรา ขอบคุณมากค่ะที่แวะเข้ามาอ่านกันนะค่ะ

 

 

 







 

 

 

 

 

           

            

 

 

 

 


 


lostcat

lostcat

Catch Me!! If You Can!!

FULL PROFILE