[HowTo] sexy eye แบบไม่ต้องพึ่งขนตาปลอม

22 38

สวัสดีค่ะสาวๆ
วันนี้จะเล่าสู่กันฟังวิธีเขียนขนตาปลอม (เอ๊ะ ยังไง)

 เชื่อว่ามีสาวๆหลายคนอยากมีตาแบบว่า เซะซี่ๆ
แต่ขี้เกียจใส่ขนตาปลอม (เราก็เป็น ฮ่าาา)


เราก็เลย "เอาวะ ในเมื่อขี้เกียจใส่ ก็เขียนมันซะเลย จบ!"
(ประมาณว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ข้าทำไม่ได้ วะฮ่าๆๆๆ)


เลยออกมาเป็นลุกที่ดูง่ายๆ สามารถแต่งได้ทุกวันค่ะ หรือจะเอาไปโมดิฟายเป็นแบบแฟนซีก็ได้ ยังไงแล้วแต่สะดวกเลยค่ะ

ที่ มาก็คือ คราวที่แล้วลองทำ makeover lada gaga inspired แล้วเกิดความชอบส่วนตัวขึ้นมา เลยเอามาเขียนแบบไม่ต้องแฟนซีขนาดนั้น ทำให้มัน practical แต่งแล้วออกไปเดินนอกบ้านได้โดยไม่มีใครมามองหน้าเราแล้วตื่นตระหนก 555




ปล. จะเซะซี่หรือไม่ โปรดใช้วิจารณญาณส่วนตัว 555

อันนี้จากตอน lady gaga makeover ค่ะ






เริ่มจากหน้า Before แบบขุดขึ้นมาจากหลุมดำกันเลยทีเดียว 

เต็มไปด้วยร่องรอยสงครามสิวประจำเดือน





 

ขั้นตอนแรก

ทามอยสเจอร์ไรเซอร์
คราวนี้ใช้เป็น Dr.Jart+ waterdrop ครีมน้ำ__ ที่กำลังโด่งดังค่ะ

[CR] : ตัวนี้เห็นเพื่อนที่ขายให้เค้าเคลมว่า เออ ซึมเร็วนะแก แล้วก็ใช้ไปซักพักจะขาวขึ้น หน้าก็ชุ่มชึ้นดีแล้วก็ไม่มันด้วย

ซึ่งเมื่อเราเอามาใช้ก็ แบบว่า เออว่ะ มันซึมเร็วมากกกกก และมันก็อเมซซิ่งที่ว่า บีบออกมาเนื้อมันเป็นเจลๆเนอะ แต่พอลูบๆๆบนหน้า มันเหมือนทาน้ำอ่ะ โอ๊วววว ทาได้ไม่ถึงสามนาที ก็ซึมหมดแระ เหมาะแก่การใช้แต่งหน้าตอนเช้ามาก รีบๆก็ ทาๆนวดวนๆ ลงแป้งแล้วก็ไปสตาร์ทรถได้เลย ฮ่าาา
แต่เรื่องปรับสีผิวเรายังบอกไม่ได้ค่ะ เพราะใช้ไปสามหนเอง

เอาคะแนนปะหัวไปก่อน 9/10

แต่ฮาวทูนี้ไม่มีลงกันแดดนะคะ พอดีแต่งตอนสามทุ่ม 555

หลังจากทา แล้วก็รอให้ซึมลงผิวซักพักนึงค่ะ




 

ขั้นตอนที่สอง

หน้าไม่เนียนใช่ไม๊ ไม่เป็นไร เรามีเบสซิลิโคน

เราใช้ L'oreal Base Magique ใช้นิ้วอันใหญ่โตควักออกมาเท่าที่คิดว่าพอดีใช้ทั้งหน้า
แล้วก็เอามาวอร์มๆๆที่มือค่ะ

การวอร์มที่ว่านี่ เราใช้วิธีเอานิ้วที่ควักตัวครีมเนี่ยล่ะค่ะ ถูๆๆๆๆ แต่อย่าเยอะนะคะ มันจะหายไปอยู่ในมือหมด แล้วก็ใช้สองนิ้วคือนิ้วกลางและนิ้วนางปาดในลักษณะขนานไปที่หน้า เหมือนให้เคลือบหน้าไว้น่ะค่ะ แล้วก็ตรงจมูกด้วย เก็บตามซอกให้หมด

 
 


CR] : ตัวนี้เป็นหนึ่งในเบสซิลิโคนหลายๆตัวที่ฮิตค่ะ แต่ส่วนตัวแล้ว เราชอบมากกว่า MAC prep&prime อีกค่ะ เพราะ มันถูก และหากปาดดีๆก็ใช้เนียนยิ่งกว่าMAC อีกค่ะ ทนเหงื่อมาก แต่งหน้าออกไปแรดๆตอนเช้า กลับมาเหนื่อยๆดูหน้าก็ยิ่งดีอยู่ แต่ข้อเสียจริงๆก็คือ จะใช้น้องเค้าต้องใจเย็นค่ะ หากลงกันแดดแล้วยังไม่รอให้เซตตัว แล้วปาดๆๆน้องเค้าไป น้องเค้าจะโผล่มาเป็นคราบให้เห็นตอนบ่ายๆค่ะ
 

 น่ารักน่าฟัดขนาดนี้ เอาไป 9/10 ค่ะ


 




ขั้นตอนที่สาม

จัดการ อำพรางรอยสิวด้วยคอนซีลเลอร์ของ Bihadashi ถ้าคนขยันๆหน่อยเค้าก็จะค่อยๆผสมสีเข้มสีอ่อนจนกลมกลืนไปกับผิว แต่เราไม่! เพราะเราขี้เกียจ ฮ่า!  ใช้สีอ่อนเนี่ยล่ะ ป้ายไปทั้งที่รอยสิวและใต้ตาหลินปิง แล้วก็อย่าลืมซอกจมูกด้วยล่ะ

เมื่อปาดแล้วก็ใช้นิ้วเนี่ยล่ะค่ะ  กดๆแปะๆ ให้กลืนลงไปกับผิว
เพราะนิ้วมือเป็นอุปกรณ์แต่งหน้าที่ดีที่สุด
ยิ่งกว่าแปรงแพงๆเป็นหมื่นด้วยซ้ำไป (ไม่นับรวมแปรงแป้งฝุ่นนะ)



Tactics : ในส่วนที่เป็นรอยสิวสีดำๆคล้ำๆ เราใช้สีเข้มในพาเลตต์เนี่ยล่ะค่ะ ปาดลงไปก่อน ใช้นิ้วแปะๆให้เนียน แล้วใช้สีอ่อนมาปาดทับอีกทีให้กลมกลืนไปค่ะ



CR]: คอนซีลเลอร์ตัวนี้ ดีอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ เราใช้ตอนรับปริญญา มันทนมว๊ากๆๆ แปรงที่ให้มาก็พอใช้ได้ เนื้อคอนซีลเลอร์ไม่หนาอย่างที่คิด แต่ปกปิดดีเกินคาด ในราคาไม่ถึงห้าร้อย ปริมาณก็เยอะ

เริ่ดแบบนี้ เอาไป สิบเต็มฮ่าาาาา



 




ต่อไปจัดการเสริมดั้ง และเพิ่มแสงให้ในส่วนที่มืดค่ะ ใช้ชอร์กมุจิสีขาวสุด ปาดตรงๆจากแท่งเลย แล้วก็นิ้วเนี่ยล่ะค่ะ นิ้วอีกแล้ว เอามาเกลี่ยๆให้เนียน


[CR] : ชอร์กมุจิ เคยดังในโต๊ะเครื่องแป้งและจีบันตั้งแต่สมัยยังไม่ได้เอาเข้ามาขายเป็นทาง การ ตอนนั้นจำได้ว่าฮิตทำหน้าแมวกันมากๆเลย 555 นึกแล้วก็อดขำไม่ได้  แต่ส่วนตัวเราแล้ว มันไม่ค่อยช่วยเรื่องhilight อะไรเท่าไหร่ เนื้อคอนซีลเลอร์ก็ค่อนข้างบาง จะ
เอามาใช้ปกปิดก็ทำได้ยาก

เอาไป 6/10 ละกันนะจ๊ะ น้องชอร์ก






ขั้นตอนต่อไป!

ลงแป้งฝุ่นค่ะ เราจะไม่ใช้แป้งฝุ่นโปร่งแสงนะคะ เพราะเน้นให้เนียนและปรับสีผิวหน้า
เคาะๆๆ แป้งฝุ่นออกมาจากกระปุกที่ฝาพอประมาณ แล้วใช้แปรงวนๆๆ เหมือนเวลาใช้ MMU น่ะค่ะ จากนั้นเคาะๆแล้วมาวนที่หน้าจนทั่ว อย่าลืมวนที่คอด้วยนะคะ สีจะได้กลืนกัน


[CR] : แป้งฝุ่น Revlon Touch&Glow Face Powder เพิ่งเห็นว่ามีคำว่า Face Moisturizing  มิน่าล่ะ เวลาใช้แล้วออกไปนอกบ้านหน้ามันมากๆ ผิวผสมแล้วยังจะซื้อมาใช้อีก -''- แต่มันก็เนียนดีค่ะ เวลาเพิ่งทาใหม่ๆ กลับมาบ้านหายเกลี้ยงงงง  อีกอย่างคือผสมน้ำหอมซะฉุนเชียว (เราจมูกไวเลยไม่ชอบกลิ่นฉุนๆ)

ส่วนตัวคิดว่าเหมาะมากกับคนผิวแห้ง

เอาคะแนนไป 6/10 ไปอยู่กับน้องมุจิเลยไป





 




ต่อไปคือการเขียนคิ้วค่ะ เป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการแต่งหน้าเลย 

เรา ใช้ easy eyebrow ของ Etude สีเทาน้ำตาล คราวนี้อยากได้คิ้วเข้มๆค่ะ ไม่รู้เป็นอะไรช่วงนี้เขียนเข้มๆทุกวัน สงสัยดูหน้านังเรยาเยอะไป 555

หลัก การไม่มี Tactics ก็ไม่มี ก็จัดการวาดโครงร่างก่อนเลยค่ะ ว่าต้องการแบบไหน แล้วค่อยถมเอา เหมือนระบายสีตอนอนุบาลน่ะค่ะ 555 แล้วใช้แปรงที่อยู่ตรงก้นดินสอเขียนคิ้วมาเกลี่ยให้เข้ากันกลมกลืน ใครใคร่ิคิ้วเข้มๆก็จัดไปหนักๆ  แต่อย่าให้เข้มมากถึงหัวคิ้วนะคะ เพราะมันจะกลายเป็นชินจังในร่างชะีนีทันที


[CR] : ดินสอเขียนคิ้วอันนี้ ไม่มีอะไรจะรีิวิวมาก เอาเป็นว่า เราใช้มาติดๆกันสี่แท่งแล้ว ราคาก็ถูก เขียนง่าย ทนเหงื่อ มีแปรงให้อีกตะหาก

เอาไป 11/10 ! (บวกคะแนนพิศวาสตัณหาอีก1 คะแนน 555)









ขั้นตอนต่อไปคือการเสริมดั้งให้เป็นรูปธรรม -''- ขั้นตอนลวงโลก 555

ใช้ พาเลตต์เขียนคิ้วสามสีของ Kate ค่ะ เราจะไม่ใช้สีเข้มสุด ใช้เฉพาะสีอ่อนสุดผสมกับสีกลางก็พอค่ะ ใช้แปรงที่เค้าให้มาเนี่ยล่ะค่ะ ปาดตั้งแต่หัวคิ้ว ย้ำๆเยอะหน่อย จะได้ดูเหมือนว่าเราตาลึกมีดั้ง
จากนั้นก็ลากยาวเลยค่ะ ยาวลงมาที่ปลายจมูก เฉดดิ้งที่ปีกจมูกเยอะๆหน่อย ดูโด่งๆ หุหุหุ

แต่อย่างไรก็ตาม อย่าอยากโด่งมากเกินไปจนไม่ได้เกลี่ยให้กลืนนะคะ มันจะดูไม่เป็นธรรมชาติค่ะ

[CR] : ตัวนี้ก็ไม่มีอะไรจะต้องสาธยายมากเช่นกัน ดูจากการใช้งานที่เป็นหลุมๆคงจะบอกได้  ส่วน ตัวแล้วเราจะใช้ิดินสอมาเขียนคิ้วแล้วก็ใช้ตัวนี้เป็นเฉดดิ้งจมูกแทน สีที่ให้มาก็พอดี ไม่เข้มเกินไม่อ่อนเกินเข้ากับสีผิวคนไทย และก็ใช้ได้นานมากกกกก เราใช้มาจะสามปีแล้วมั้ง

เฟอร์เฟค!  ครูอ้วนให้ 10/10 เลยค๊าาาา






 



ต่อไปลงอายเบสค่ะ

ใช้ของRimmel London เป็นอายแชโดว์แบบครีม ตัวนี้ใช้มาหลายฮาวทูแล้ว
จัดการใช้นิ้วทาให้ทั่วเปลือกตา ทำให้เปลือกตาดูสว่างขึ้น

tactics : เราไม่จำเป็นต้องไปซื้ออายแชโดว์primer แพงๆมาใช้ก็ได้ค่ะ ไปหาครีมอายแชโดว์สีเบจมาใช้ก็
เพียงพอแล้ว

[CR] : ครีมอายฯตัวนี้ เราใช้มานานมากกกกกแล้ว มีดีที่ครีมไม่เนอะหนะ วิ้งสวยกำลังดำใช้ตอนกลางวันก็ได้ ปาดทับแชโดว์ลงไปก็ไม่เป็นคราบ และก็ทน
เสียอย่างเดียวคือ ไม่มีขายในไทย อย่างเซ็ง -''-

เอาไป 9/10 เลยฮ่าาาา หักที่แหล่งซื้อไม่มี ต้องพรีเอาตลอดก็ไม่ไหว ไม่ใช่วิสัยคนขี้เกียจอย่างเรา






หลังจากลง eye base แล้ว ใช้สีเบจอ่อนสุดในพาเลตต์อายแชโดว์ของ KATE (ที่บ้านมี KATE เต็มบ้านเลย -''-) ลงให้ทั่วเปลือกตาค่ะ โดยเฉพาะตรงใต้คิ้วต้องลงนะคะ ทำให้ทำดูโดดเด่นและสว่างขึ้น


[CR] : ต้องขอโทษนะคะที่ไม่ได้ถ่ายรูปเต็มมา มันจะเป็นตัวที่เป็นทั้งอายแชโดว์และมีแบบที่ไว้เขียนคิ้วให้ด้วย มี 5 สีในตลับเดียว  ส่วนตัวคิดว่าเป็นอะไรที่สะดวกมากๆๆๆ เป็นสีน้ำตาลโทนที่ใช้ได้ทุกวัน ไม่เวอร์เกินไป วิ้งไม่จัดเหมือนในบางรุ่นของ KATE เสียอย่างเดียวคือ ทาทีไร วิ้งๆมันหล่นลงมาใต้ตาทุกที

เอาไป 9/10 นะฮ๊าฟฟฟฟ






 ใ้ช้พาเลตต์เดิมเนี่ยล่ะค่ะ เราจะไม่เปลี่ยนพาเลตต์ เพราะมันครอบจักรวาลจริงๆ
จัด สีเข้มสุดไปเลยค่ะ ใช้แปรงกะว่าส่วนไหนเป็นเบ้าตาของเรา แล้วก็ละเลงสีเข้มลงไปในลักษณะสามเหลี่ยม โดยให้เหลือชั้นตาข้างล่างไว้ ค่อยๆทำไปอย่าเร่งมาก ไม่งั้นจะเข้มเวอร์เกิน




ย้อนกลับมาที่ครีมอายแชฯRimmel ค่ะ ปาดครีมลงไปตรงกลางของเปลือกตาค่ะ
ให้เหมือนกับว่าตามีมิติ(ลี้ลับอ๊ะป่าว ฮ่าๆ) 










ละเลงแนวขอบตาล่างกันต่อเลยค่ะ เกิดเป็นผู้หญิงนี่ลำบากจริงๆ กว่าจะสวยได้ขั้นตอนเป็นสิบ
ใช้สีเข้มนั่นแหล่ะค่ะ ปาดลงไปตามรูปให้ตาดูลึก






มาถึงขั้นตอนสำคัญกันแล้ว

เราให้ความสำคัญกับการเขียนอายไลเนอร์มาก เพราะเป็นตัวกำหนดเลยว่า การแต่งหน้าโดยรวมจะเป็นยังไง (อันนี้คิดทฤษฎีเอาเองค่ะ 555) อย่างที่บอกว่า เราจะไม่ใช้ขนตาปลอมใช่ไม๊
นี่ไง เราไม่ใช้ เราก็วาดเอา ฮ่าๆ กรีดตาบนให้เลยหางตาออกมาพอประมาณไม่เวอร์นะคะ จากนั้นก็ใช้ส่วนที่เป็นปลายแหลมๆของแปรงวาดเส้นเล็กๆ หนาหน่อยๆ ที่หางตา วาดไม่ต้องเข้ามาถึงกลางตานะคะ เพราะมันจะดูหลอกเกินไป (ในรูปต้นกระทู้นั้นวาดเล่นๆเอามันส์ 555)

Tactics : จะวาดแบบนี้ควรใช้eyeliner แบบ จิ้มจุ่มค่ะ เราใช้ของ etude oh my eyeline ขวดสีดำๆอ่ะค่ะ

[CR] : อายไลเนอร์อันนี้มันเริ่ดมากกกก เราใช้มาจะ้ห้าอันแล้ว แปรงที่ให้มาสามารถเขียนพลิกแพลงได้หลายแบบมาก แต่จะเขียนเป็นอินเนอร์หรือwaterline ไม่ได้นะคะ มันจะเข้าตา น่ากลัว -''- และอีกอย่างคือมันทนเหงือทนน้ำ แต่ไม่ทนมือ 555 ทำให้ล้างออกง่ายมาก หลุดออกมาเป็นเศษดำๆ ไม่มีการเลือนที่ขอบตาให้หงุดหงิด
คุณสมบัติเริ่ดหรูราคาถูกแบบนี้เอาไป 10/10 และเชื่อว่าเป็นอายไลเนอร์ในดวงใจของอีกหลายๆคน




ต่อมาก็ดัดขนตาปัดมาสคาร่าตามปกติ อยากให้เด้งแค่ไหนก็จัดไปตามชอบเลยค่ะ ส่วนตัวเรา เราไม่ชอบให้ขนตาบนมันเยอะนัก เพราะมันดูหนัก และมองไกลๆไม่เห็น 5555
เรา จะมาเน้นที่ขนตาล่างแทน ปัดไปเลยค่ะ จัดหนักๆๆ เอาให้มันกลมกลืนกับเส้นที่เขียนไว้ตอนแรก ถ้าัปัดบางๆแล้วมันจะดูไม่กลืนไปกับเส้นที่เขียนไ้ว้เท่าไหร่
ส่วนวิธี ปัดขนตาล่างก็คือ ตั้งแปรงมาสคาร่าให้เป็นแนวตั้ง แล้วไล่ปัดขนตาล่างไปทาละเส้นเลยค่ะ เป็นอีกขั้นตอนที่ต้องใจเย็น เลอะขอบตาล่างขึ้นมาละงานเข้าเลย

tactics : ถ้ากลัวจะเปื้อนขอบตาล่างให้ใ้ช้นามบัตรหรือบัตรกระดาษแข็งๆนิดหน่อยอะไรก็ได้ มากั้นระหว่างขนตากับขอบตาค่ะ


[CR] : มาสคาร่าเราใช้ Maybelline นิวยวกกกก  รุ่นอ้วนดำสีชมพูค่ะ มันดีมากเริ่ดมาก ตัวนี้เป็นตำนานเลยก็ว่าได้ เด้ง ทน หนา ดำ ทึกบึกบึนได้ใจหญิงไทยอย่างเราไปเต็มๆ เสียอย่างเดียวคือ ล้างยากกกกกกกกกกส์มว๊ากกกกกก
บางวันง่วงทนไม่ไหว นอนไปทั้งๆอย่างนั้นเลยก็เคยมาแล้ว  อันตรายมากๆ อย่าทำตามนะคะ
เอาไป 9.8/10 หักที่ล้างยาก ขนตาแทบกระเซ็น








ลงมาที่แก้มค่ะ จัดการ contour หน้าด้วย Bronzer ของ Rimmel หล่อนด้อน (ชอบสำเนียงในโฆษณาปลาเส้นจริงๆ 555) ความเห็นส่วนตัว คิดว่าการใช้บรอนเซอร์มันจะทำให้การแต่งหน้าของเราเข้าที่มากขึ้น และช่วยเรื่องความบานด้วย ไม่ให้บานมากไป 555

ใช้ปัดเหมือนเวลาเฉด ดิ้งเลยค่ะ จริงๆบรอนเซอร์นี่ น่าจะเรียกได้ว่าเป็นสินค้าเพื่อการตลาดมากกว่า เพราะให้ตะแคงดูนั่งดูยืนดูยังไง มันก็เป็นบรัชออกสีน้ำตาลโปร่งแสงมีวิ้งชัดๆ -''- แต่ผู้บริโภคอย่างเราจะเลือกอะไรได้ล่ะคะ ฮ่าๆ

นอกจากปัดตรงกรามข้างแก้มแล้วก็ปัดเพิ่มความโด่งของจมูกก็ได้เช่นกัน แล้วแต่จะใช้เลยค่ะ


[CR] : บรอนเซอร์ัตัวนี้ ไม่รู้จะให้คะแนนยังไง เพราะเราเพิ่งหันมาใช้บรอนเซอร์ก็มีตัวนี้เนี่ยล่ะเป็นอันแรก เลยไม่รู้ว่าอย่างอื่นมันดีกว่าอะไรยังไง แต่ส่วนตัวแล้วก็ว่าสามารถเพิ่มมิติให้หน้าได้ดีพอสมควร มีความโปร่งแสง ไม่หลอกตามากเกินไป ติดทนอยู่ถึงเย็น และเมื่อดูจากปริมาณแล้ว กว่าจะหมดโลกคงแตกไปซะก่อน 5555

เอาไปเบื้องต้น 8.5/10 ก่อน 




 
ปัดแก้มด้วย nars sexappeal ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "แอ๊บ" สีก็แอ๊บตามไปด้วย แต่งานนี้เราพรีเซนต์การแต่งตา ก็ไม่ต้องให้มันเข้มอะไร เอาให้ดูมีสีก็พอ
ใช้การปัดเข้าปัดออกบนโหนกแก้มที่สูงที่สุดค่ะ

tactics : เวลาปัดจะใช้วิธีการยิ้มไปปัดไปก็ดีค่ะ จะทำให้ปัดแก้มได้สวยขึ้น และกะระยะของโหนกแก้มง่ายกว่าไม่ยิ้มด้วย
[CR] : คุณภาพพี่นา์ร์สเค้าคุ้มราคาอยู่แล้วค่ะ เพราะฉะนั้นจะกล่าวถึงเรื่องสี เราว่าสีนี้ก็เป็นที่ถกเถียงกันตอนออกใหม่้ๆว่า สีมันแอ๊บขนาดนี้ ทาบนแก้มจะออกเรอะ (ในรูปสีเข้มกว่าสีจริงค่ะ) แต่เราว่า ทาดีๆมันก็ออกนะ สีน่ารักด้วย แต่จะไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่หรอก เพราะอย่างที่บอกว่ามันอ่อนมาก แทบจะไม่เห็นอะไรเลย เหมาะกับวันสบายๆ ลุกใสๆ แต่งหน้าน้อยๆ ทาtintในปากปาดกรอสใสๆ เดินชิวๆพาหมาไปวิ่งเล่น ประมาณนั้นล่ะค่ะ หรือว่าจะทาทับบนบรัชออนสีอื่นก็ไม่เลวค่ะ
ถือว่าเอนกประสงค์ทีเดียว

เอาไป 8.5/10 นะก๊ะน้องนางบ้านนาร์ส




มาถึงปากแย้ววววว!!!

กลบสีปากเลยจ้า การกลบสีปากก็เหมือนการทำให้ปากเป็นกระดาษเตรียมพร้อมที่จะถูกละเลงด้วย ลิปสติก มันเป็นวิธีดึงเอาสีที่เราต้องการออกมาจากลิปสติกหรือลิปกรอสออกมาได้อย่าง ดีที่สุด

ขั้นตอนไม่มีอะไรมากค่ะ เปิดฝา MAC lip erase เอานิ้วปาดมาวอร์มๆบนมือ แล้วก็กดๆๆให้ทั่วริมฝีปากค่ะ ให้ซีดกลืนกับผิวไปเล



[CR] : ตัวนี้เป็นลิปคอนซีลเลอร์ที่ออกมาเป็น limited edition D square อยู่ช่วงนึงของ MAC ค่ะ ที่ไทยมาทีเดียวไปแล้วไปลับเลย พอลงไป สาวๆก็รุมกันซื้อจนหมด เราไปได้มาจากที่lafayatte paris ค่ะ สนนราคาแล้ว ถูกกว่าที่ไทยแฮะ! ห้าร้อยกว่าๆเอง เย้ๆๆๆ ตัวเนื้อบาร์มเม็ดสีแน่นเอี๊ยดค่ะ ทำให้กลบสีปากได้มิด
แต่คำเตือนคือต้องทาลิปบาร์มก่อนนะคะ ไม่งั้นได้แห้งแตกน่าเกลียดน่ากลัวแหงๆ






สุดท้ายยยยยย~

ทาปากค่ะ ใส่สีให้ปากด้วย ลิปกรอสจาก revlon สี coral reef ปะการัง อู๊ววว
เมื่อทาลิปคอนซีลเลอร์ไปแล้วทำให้กรอสสามารถแสดงสีที่แท้จริงได้มากขึ้น
การทาก็ใช้ทาจากแปรงโดยตรงเลยค่ะ ทาให้ทั่วปากเลย แต่อย่าเยิ้มนัก เดี๋ยวห้อยกันพอดี 5555


[CR] : ลิปกรอสสีน่ารักราคาน่าคบหา รีบไปเคาเตอร์ไปสอยกันมาให้ไวอย่าช้า แล้วจะรู้สึกดีที่ได้ซื้อเหมือนเรา โฮ๊ะๆๆๆ

เนื้อ กรอสก็ดีทีเดียวเลยค่ะ ไม่ทนขนาด lancome แต่คุ้มเกินราคาจริงๆ นานๆทีrevlon จะมีสินค้าสีสวยๆกับเค้าบ้าง อันนี้ขอคอนเฟิร์มอีกทีว่าต้องไม่พลาด 55555

เอาไป เอาไปเลย 20/10 (เหมือนเป็นหน้าม้าเลยว่ะเรา -''- )


















เอ๊าาา ปล่อยผมมมม  (จะแอ๊บแบ๊วไปไหนฟระ มาดูตอนหลังแล้วแอบฮาตัวเอง 555)









มาดูใกล้ๆกันอีกที (แอร๊ยยยย แอบมีเลอะด้วย มองข้ามๆไปนะคะ อายยยยย)






หมดแล้วคร๊าาา ถ่ายได้แค่นี้กล้องแบตหมดพอดี
ลาไปด้วยรูปนี้ค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาดูนะคะ ติชมอะไรตามสะดวกเลยค่ะ

สวัสดีค่ะ



<<Seymour>>

<<Seymour>>

ตอนเด็กๆบ้าวาดรูป โตมาบ้าแต่งหน้า -'- เอาวะ! ก็มันถือว่าเป็นศิลปะเหมือนๆกัน อิอิ

FULL PROFILE